ในช่วงโควิด-19 สิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือ รายจ่ายและรายได้ เพราะยิ่งผู้ประกอบการลดค่าใช้จ่ายได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีกระแสเงินสดหมุนเวียนในธุรกิจได้นานขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ในส่วนของรายได้เอง ในช่วงนี้ผู้ประกอบการคงไม่อาจหวังถึงกำไร แต่สิ่งเดียวที่หวังก็คือ หวังให้ธุรกิจไปต่อได้ มีเงินจ่ายพนักงาน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ และค่าเช่าก็เท่านั้น
เราเข้าใจดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การจัดการร้านให้มีความสมดุลระหว่างรายจ่ายและรายได้นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย วันนี้เราจึงมี 5 วิธีจัดการร้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุดช่วงโควิด-19 มาบอกต่อผู้ประกอบการดังนี้ :-
1. ข้อมูลสต๊อกต้องแน่น
ภาพจาก Unsplash
ผู้ประกอบการหลายคนอาจจะนับสต๊อกด้วยการจดมือ ซึ่งบางทีก็อาจจะตรง หรือบางทีก็อาจจะผิดพลาด และบางทีก็อาจจะเสียเวลานับสต๊อกสินค้านาน ๆ
รู้ไหมว่า ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังโควิด-19 ข้อมูลที่แม่นยำยังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนควรมี เพราะไม่เช่นนั้น ร้านค้าปลีกและร้านอาหารของคุณอาจจะสูญเงินไปกับการสต๊อกสินค้าโดยเปล่าประโยชน์ก็ได้ในช่วงนี้
เช่น ร้านค้าปลีกที่ไม่รู้ข้อมูลสต๊อกสินค้าที่แม่นยำและไม่รู้ว่าสินค้าอะไรขายดีในช่วงนี้ ก็อาจจะตุนสินค้าผิดประเภท ซึ่งแทนที่จะสั่งซื้อสินค้ายอดนิยม แต่ก็อาจจะสั่งสินค้าค้างสต๊อกมาเพิ่มและกลายเป็นสินค้าคงคลังที่ไร้ความเคลื่อนไหวก็เป็นได้ ทั้งนี้หลายคนอาจคิดว่า คนขายย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าสินค้าไหนของร้านขายดี แต่บางทีเมื่อเราคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการเช็คสต๊อกและความผิดพลาดจริง ๆ จะรู้ว่าการที่เราประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดได้ นั่นแหละคือสิ่งที่ดีที่สุด
ในส่วนของร้านอาหาร หากไม่รู้สต๊อกวัตถุดิบก็จะทำให้ส่วนผสมอาหารเน่าเสียฟรี ๆ พอไม่รู้จำนวนวัตถุดิบที่แม่นยำ ก็เกิดการคาดคะเนและสั่งสต๊อกเพิ่ม ซึ่งบางร้านอาหารสต๊อกวัตถุดิบจนเป็นหนี้เพราะไม่ได้ใช้ก็มี ดังนั้นผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความแม่นยำของสต๊อกอย่างสม่ำเสมอ
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ประกอบการยุคใหม่จึงหันมาเลือกใช้ระบบ POS ที่นับสต๊อกสินค้าและจัดการร้านได้อย่างอัตโนมัติกันหมดแล้ว เพราะโปรแกรมขายหน้าร้านนี้สามารถจัดการ เช็ค และนับสต๊อกได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะร้านที่มีหลายสาขา เมื่อมีข้อมูลที่แม่นยำก็จะคำนวณและวางแผนย้ายสต๊อกระหว่างสาขาได้ง่ายขึ้น
2. รู้ความเคลื่อนไหวทั้งหน้าร้านและร้านค้าออนไลน์
ภาพจาก Unsplash
ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกและร้านอาหารต่างก็ปรับตัวเข้าสู่โหมดออนไลน์เพื่อความอยู่รอดในช่วงโควิด-19 นี้ และเมื่อร้านกลับมาเปิดได้ปกติ ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถทิ้งเว็บขายของออนไลน์และบริการเดลิเวอรี่ส่งอาหารลูกค้าได้
ดังนั้นเมื่อเปิดร้านควบคู่กันทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องรู้ทุกความเคลื่อนไหวของหน้าร้าน ร้านค้าออนไลน์ และต้องติดตามบริการสั่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery) ของร้านได้ด้วยตนเอง เพื่อจะได้วิเคราะห์ยอดขาย คาดการณ์สินค้า และรู้ความต้องการของลูกค้าอย่างทั่วถึง ดังนั้นหากมีระบบขายสินค้าที่ช่วยให้รู้ทุกความเคลื่อนไหวในร้าน ผู้ประกอบการก็จะจัดการหน้าร้าน เว็บไซต์ขายของออนไลน์ และ Food Delivery ได้ง่ายขึ้น
ด้วยระบบขายหน้าร้าน POS ที่มีฟีเจอร์ครอบคลุม ผู้ประกอบการจะติดตามยอดขายของร้านได้แบบเรียลไทม์ พร้อมมีข้อมูลเชิงลึกไว้วางแผนบริหารร้านได้ดียิ่งขึ้น แล้วร้านค้าปลีกและร้านอาหารก็จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังโควิด-19
3. เจาะสินค้าเด่นพร้อมทำโปรโมชั่นเรียกลูกค้า
ภาพจาก Unsplash
ด้วยข้อมูลจากระบบ POS ผู้ประกอบการจะรู้ว่าสินค้าไหนขายดี เมนูไหนเป็นที่นิยม และเครื่องดื่มชนิดไหนเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้าร้านค้าปลีกและร้านอาหาร เมื่อมีข้อมูลในมือแล้ว ก็ลองนำสินค้าเด่นและเมนูที่ลูกค้าชื่นชอบมาจัดโปรโมชั่นเพื่อเรียกลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าและสั่งอาหารที่ร้านอีกครั้ง โดยเฉพาะร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม ต้องจับคู่เซ็ต ตั้งราคา และวางแผนโปรโมชั่นให้เป็น รับรองว่าลูกค้าจะกลับมาสั่งบ่อยขึ้นแน่นอน
ในส่วนของร้านค้าปลีก หากเป็นร้านแฟชั่น ก็ควรนำสินค้าแนวคล้าย ๆ กับสินค้าขายดี มาจัดโปรเพื่อดึงดูดลูกค้า หรือหากเป็นร้านขายของชำ เมื่อรู้ว่าสินค้าไหนขายดีแล้วก็ตุนไว้และจัดโปรได้เลย คราวนี้ขายดีกว่าเดิมแน่นอน แล้วร้านก็จะมีรายได้มากขึ้นทั้งช่วงโควิด-19 และภายหลัง
แล้วจะหาลูกค้าจากไหนมาซื้อ ?
ก็ลูกค้าประจำในฐานข้อมูลของระบบ CRM ที่ร้านมีนั่นแหละ ลองส่ง SMS แจ้งเตือนโปรเด็ดและโปรโมทผ่านเพจเฟสบุ๊คและไอจีร้านดู รับรองยอดขายร้านไปได้สวยแน่นอน
4. ทำความเข้าใจสถานการณ์ของร้านร่วมกับพนักงาน
ภาพจาก Freepik
พนักงานก็เหมือนแขนขาของร้าน เมื่อขอให้พนักงานออกในช่วงโควิด-19 ก็เหมือนการตัดกำลังร้านไปในตัว และเมื่อร้านกลับมาเป็นปกติ ผู้ประกอบการก็อาจจะมีกำลังคนไม่พอต่อการทำงาน ส่งผลให้ร้านไปต่อได้ยากขึ้นไปอีก
ดังนั้นแทนที่จะขอให้พนักงานออก ผู้ประกอบการจะต้องคุยเปิดใจกับพนักงานเพื่อให้พนักงานรู้ถึงสถานการณ์ของร้าน หากพนักงานเข้าใจและรักในงานจริง ๆ พวกเขาจะพร้อมสู้และอยู่เคียงข้างร้านในช่วงที่ยากลำบากนี้แน่นอน
ลองขอลดเงินเดือนพนักงาน ลดวันทำงาน และลองจัดกะพนักงานใหม่ในช่วงนี้ อย่าเพิ่งพนักงานตัดทิ้ง ให้เจรจาต่อรองและทำความเข้าใจกันก่อน หากผู้ประกอบการมีเป้าหมาย มีแผนธุรกิจรับมือแน่นอน ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานได้ว่า วันหนึ่งทั้งพนักงาน ผู้แระกอบการ และร้านจะกลับมารอดพร้อมกัน
5. ขอความร่วมมือจากผู้ให้เช่า
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ เราเชื่อว่าทุกคนต่างก็อยากช่วยเหลือกันแน่นอน ดังนั้นผู้ประกอบการควรเจรจาต่อรองกับผู้ให้เช่าดู อาจจะขอลดค่าเช่า ขอผ่อนจ่าย หรือขอจ่ายช้าหน่อย เราเชื่อว่าผู้ให้เช่าจะเข้าใจสถานการณ์และช่วยเหลือผู้ประกอบการแน่นอน
เพราะในยามวิกฤตโควิด-19 เช่นนี้ ไม่ว่าจะธุรกิจรายน้อยหรือรายใหญ่ ก็ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก เราเชื่อว่าทุกคนอยากมีส่วนช่วยเหลือและพยุงผู้ประกอบการให้ไปต่อและก้าวผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้ทั้งนั้น ดังนั้นหากมองแล้วว่ารายรับของร้านไม่น่าจะจ่ายค่าเช่าได้ตรงเวลา ก็ลองขอความช่วยเหลือและคุยกับผู้ให้เช่าไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
เราหวังว่าทั้ง 5 วิธีจัดการร้านในช่วงโควิด-19 นี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารร้าน พนักงาน ตลอดทั้งรายรับและรายจ่ายของร้านได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากผู้ประกอบการท่านไหนมีเทคนิคเจ๋ง ๆ สามารถแชร์กับเราได้ที่คอมเมนต์ใต้บล็อกเลยค่ะ และเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติและเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว สโตร์ฮับขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการทุกคนก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปพร้อมกันนะคะ
