สังเกตกันไหมว่า ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่ร้านชาไข่มุกเต็มไปหมด ยิ่งเป็นร้านดังอย่าง The Alley, Fire Tiger (ชาไข่มุกเสือพ่นไฟ) หรือ Fuku Matcha แล้ว ยิ่งมีให้เห็นกันแทบทุกพื้นที่ !
และแม้ว่าตลาดชาไข่มุกจะมีการแข่งขันสูง แต่ร้านที่ว่านี้ก็ยังคิวยาวตลอดเวลา แถมยอดขายยังพุ่งพรวดขึ้นทุกนาทีอีกต่างหาก ! แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าร้านเหล่านี้ทำได้ยังไง ?
มีอะไรในชาไข่มุกกันแน่ ? ทำไมทุกคนถึงอยากกลับมากินแล้วกินอีก ? แล้วร้านชาไข่มุกเหล่านี้รองรับลูกค้าเป็นพัน ๆ คนต่อวันได้ยังไง ?
วันนี้เราจะพามาล้วงลับความสำเร็จของร้านเหล่านั้นกัน !
ชาไข่มุกคืออะไรกันแน่ ?
ภาพจาก Shutterstock
ชาไข่มุก (หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Boba) เป็นชานมยอดนิยมในไต้หวัน ในเครื่องดื่มจะมีนม น้ำตาล และท็อปปิ้งที่เป็นแป้งมันสำปะหลังก้อนกลม ๆ เคี้ยวหนึบหนับ (ที่เราเรียกกันว่า “ไข่มุก”)
เปิดประวัติชาไข่มุก
หากจะพูดถึงประวัติชาไข่มุก ก็มีที่มาจากคุณลุง Liu Han-Chieh เจ้าของร้าน Chun Shui Tang Teahouse เป็นผู้ริเริ่มการเสิร์ฟชาจีนเย็นในช่วงต้นปี ค.ศ. 1980s หลังจากเดินทางไปยังญี่ปุ่นและเห็นว่ามีร้านเสิร์ฟกาแฟเย็น ต่อมาในปี ค.ศ. 1988 คุณ Lin Hsiu Hu ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของร้านได้ลองเอาขนม Fen Yuan ที่มีรสชาติหวานและคล้ายกับขนมโมจิของญี่ปุ่นใส่ไปในชาเย็นและลองดื่ม ซึ่งรสชาติของชาเย็นกับ Fen Yuan อร่อยเข้ากันมาก ๆ
และเช่นเดียวกันกับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม พวกเขาต่างก็หลงรักเครื่องดื่มชาเย็นที่โรยด้วยขนม Fen Yuan นี้ จากนั้นคุณ Lin Hsiu Hu เลยเกิดไอเดียทดลองขายหน้าร้านและพบว่าลูกค้าติดใจเป็นอย่างมาก โดยเครื่องดื่มนี้มักจะขายหมดอย่างรวดเร็วในเวลา 2 เดือน และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี เครื่องดื่มชานมไข่มุกนี้ก็ยังเป็นเมนูที่สร้างรายได้ให้กับร้านมากถึง 80-90%
หลังจากนั้นชานมไข่มุกก็ได้รับการเผยแพร่ไปยังทุกที่ทั่วโลก และเข้ามาในไทยช่วงปี ค.ศ. 1990
ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหลายแบรนด์ขยายแฟรนไชส์ชาไข่มุกไปยังหลายประเทศด้วยกัน อย่างในไทยเราก็จะเห็นแบรนด์ชานมไต้หวันเจ้าดังมาเปิดกันเรียงราย เช่น The Alley, Tiger Sugar, CoCo Fresh Tea & Juice และ Gingwan Tea เป็นต้น ทั้งยังมี KOI ชาไข่มุกสัญชาติสิงคโปร์และร้านอื่นอีกเพียบ
และยิ่งตอนนี้ร้านชาไข่มุกต่าง ๆ มีตัวเลือกท็อปปิ้งมากมาย เช่น เยลลี่ผลไม้, เฉาก๊วย, วุ้นว่านหางจระเข้ ฯลฯ มาพร้อมกับเมนูชาไข่มุกที่หลากหลาย พร้อมให้ลูกค้าสามารถเลือกไซส์หรือขนาดแก้ว ระดับความหวาน และปริมาณน้ำแข็งได้ตามใจชอบอีก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวกชานมไข่มุกจะติดใจเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้กันมากเป็นพิเศษ
ปรากฏการณ์ชาไข่มุก
“ถ้าเรารู้จักชาไข่มุกมาหลายปีแล้ว แล้วทำไมเครื่องดื่มเคี้ยวกรุบหนุบหนับนี้ถึงเพิ่งจะได้รับความนิยมกันล่ะ ?”
นั่นก็เพราะโลกโซเชียลยังไงล่ะ ! ยิ่งคนเห็นชานมไข่มุกใน Social Media อย่าง Facebook, Instagram, LINE หรือ Twitter มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอยากกินมากเท่านั้น !
ร้านชาไข่มุกเริ่มต้นกระแสนี้ด้วยการแต่งเติมแปลงโฉมให้เครื่องดื่มหน้าตาสวยและน่ากิน ทำให้ลูกค้าอยากโพสต์เครื่องดื่มที่สั่งลงบนโลกโซเชียล จากนั้นก็มีการแชร์อย่างรวดเร็วแล้วก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งหน้าตาและรสชาติของเครื่องดื่มนี้เองที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ชาไข่มุกบนโลกโซเชียล ทำให้ใคร ๆ ก็อยากกินและอยากแชร์ ดังนั้นโซเชียลมีเดียจึงเปรียบเสมือนตัวกระตุ้นที่ช่วยปลุกกระแสชาไข่มุกให้กลับมาฮิตอีกครั้ง
ภาพจาก Facebook: The Alley Thailand, Facebook: GAGA • Attitude In A Cup, IG: KOI Thé Thailand, Facebook: Fire Tiger by Seoulcial Club, IG: Fuku Matcha, Facebook: Brown Café ブラウン
และเทรนด์ชาไข่มุกของไทยปี 2019 นี้ยังมีมูลค่ามากถึง 2,500 ล้านบาท !
นอกจากนี้จากข้อมูลของ GrabFood ยังพบว่าชาวไทยดื่มชาไข่มุกมากเป็นอันดับหนึ่งของ Southeast Asia อีกด้วย ! โดยดื่มมากถึงคนละ 6 แก้วต่อเดือน
ต้องบอกว่ากระแสชานมไข่มุกนี้ไม่เหมือนกระแสอื่นที่มาแป๊บเดียวแล้วก็หาย เพราะดูเหมือนว่าเจ้าชานี้จะยังคงได้รับความนิยมไปอีกนาน
แล้วเมื่อมีการแข่งขันสูงขนาดนี้ ทำไมร้านชาไข่มุกหลายร้านยังคงประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้อยู่ ? นั่นก็เพราะว่า . . . แบรนด์ดังเหล่านั้นมีเทคนิคเปิดร้านชาไข่มุก ดังนี้ :-
1. รังสรรค์รสชาติชาไข่มุกของแบรนด์ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ภาพจาก The Alley Thailand
แต่ละแบรนด์จะมีความโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งเครื่องดื่มใหม่ ๆ รสชาติใหม่ ๆ หรือจะเป็นการดีไซน์เครื่องดื่มให้สวยงามไม่เหมือนใคร
แล้วก็ยังมีเมนูชาไข่มุกสุดสร้างสรรค์พร้อมรสชาติแปลกใหม่อีก เช่น
- ชาไข่มุกเผือก
- ชาเขียวมะม่วง
- ชานมทุเรียน
ตอนนี้ก็มีท็อปปิ้งที่หลากหลายมากขึ้นเช่นกัน ทั้งชีส, ไข่มุกเยลลี่, พุดดิ้งไข่, เมล็ดเจีย และอื่น ๆ อีกเพียบ !
ซึ่งถ้าอยากเกาะกระแสเทรนด์นักชิม หรือกระตุ้นให้คนถ่ายรูปเมนูชาไข่มุกและโพสต์ลงโซเชียลมากขึ้น แบรนด์ชานมไข่มุกทั้งหลายก็ต้องคิดให้ต่างและต้องมีเมนูใหม่ที่ไม่เหมือนใคร ถึงจะโดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำ
ภาพจาก Fire Tiger by Seoulcial Club
โดยการคิดต่างที่ว่านี้ก็อาจจะเริ่มจากตัวเครื่องดื่มหรือแม้กระทั่งแก้วชาไข่มุก เช่น
- The Alley มีจุดเด่นที่ไข่มุกรสหอมหวานบวกกับเสต็ปในการเขย่าก่อนดื่ม ที่ให้รสชาติแบบออริจินัลไม่เหมือนใคร
- Fire Tiger (เสือพ่นไฟ) มีจุดเด่นคือน้ำตาลไหม้บนเครื่องดื่มที่ทำให้รสชาติของชาหอมหวานมีเอกลักษณ์
นอกจากนี้บางแบรนด์ยังรู้วิธีตกแต่งเมนูชาไข่มุกให้สวยงามน่ากินและแตกต่างกันออกไป โดยอาจจะใช้แก้วสีสันสดใส ใช้ขวดแก้ว Mason Jar หรือขวดแก้วทรงหลอดไฟ และทรงต่าง ๆ
ซึ่งแทนที่พวกเขาจะให้คู่แข่งแซงหน้า แบรนด์ขาไข่มุกเหล่านี้ก็เปลี่ยนแรงกดดันตรงนั้นให้กลายเป็นความสร้างสรรค์ แล้วก็คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และกระตุ้นให้คนแชร์ชานมไข่มุกของแบรนด์ลงโลกโซเชียลมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายแบรนด์ยังคงยืดหยัดอยู่อย่างมั่นคงแม้จะมีการแข่งขันสูง เพราะพวกเขารู้จักใช้ความสร้างสรรค์พิชิตใจสาวกชาไข่มุก
2. Loyalty Program ช่วยให้ลูกค้ากลับมาที่ร้านบ่อยขึ้น
ภาพจาก Fuku Matcha Thailand
“ทำยังไงลูกค้าถึงจะอยากกลับมาที่ร้านชาไข่มุกของคุณอีกครั้ง ?”
เพราะเมื่อผ่านไปสักพัก ยังไงพวกเขาก็เบื่อรสชาติชาไข่มุกของร้านและอยากลองเจ้าอื่นแน่ ๆ !
ร้านชาไข่มุก เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของ Loyalty Program มักจะมีการสะสมคะแนนในรูปแบบง่าย ๆ อย่างบัตรสะสมแสตมป์ ที่ลูกค้าจะได้แสตมป์เมื่อซื้อเครื่องดื่มแต่ละแก้ว แล้วก็แลกรับเป็นเครื่องดื่มหรือสินค้าสมนาคุณฟรีเมื่อได้แต้มที่ทางร้านกำหนด จะบอกว่าโปรแกรมนี้ได้ผลเป็นอย่างมากเลยละ ! เพราะลูกค้าจะมีแรงจูงใจในการซื้อมากขึ้นหากมีการสะสมคะแนนแลกของรางวัล
และการใช้ Loyalty Program แบบนี้ยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันกับแบรนด์และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขารู้สึกเหมือนเป็นลูกค้าคนพิเศษของแบรนด์ แล้วแบรนด์ก็จะใช้โปรแกรมนี้ในการเก็บข้อมูลลูกค้าและดึงดูดให้พวกเขากลับมาด้วยโปรโมชั่นที่ตรงใจ
แล้วการทำแบบนี้ก็จะช่วยให้ร้านชาไข่มุกของคุณให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นแบบฟรี ๆ จากการบอกต่อกันของลูกค้า
คุณสามารถเริ่มใช้ Loyalty Program ได้ง่ายมาก ! ลองดู Beep Cashback ของเราตอนนี้เพื่อใช้งาน Loyalty Program ที่ง่ายที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ !
3. การมีระบบ POS ที่ดีจะช่วยให้บริหารร้านคล่องขึ้น
ภาพจาก CHA BAR BKK
“คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนถึงต่อคิวรอชาไข่มุกเป็น 30 นาทีหรือเป็นชั่วโมงได้แบบไม่มีบ่น ? “
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รอนานอย่างที่เราเห็นกันนะสิ !
แม้ว่าคิวจะดูยาวเหยียดข้ามไปถนนอีกฝั่ง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะขยับเร็วมาก นั่นก็เพราะทางร้านรับออร์เดอร์และทำชาได้เร็วมาก ! ที่เราเห็นกันว่าเหมือนจะต้องรอครึ่งชั่วโมงนั้น จริง ๆ แล้วไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ !
และวิธีนี้เองที่ทำให้ร้านและแฟรนไชส์ชาไข่มุกต่าง ๆ มียอดขายเพิ่มขึ้นได้โดยที่ลูกค้าไม่ต้องรอนาน
แล้วร้านชานมไข่มุกเล็ก ๆ แบบนี้บริหารจัดการร้านยังไงให้คล่องตัวและรวดเร็วได้ขนาดนี้ ? ก็ด้วยระบบ POS อันทรงประสิทธิภาพยังไงละ !
ระบบ POS ถือเป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จของร้านชาไข่มุกเลยก็ว่าได้ เพราะตัวระบบเป็นทั้งเครื่องคิดเงินอัจฉริยะและระบบจัดการหน้าร้าน ทั้งยังมีฟีเจอร์สุดครอบคลุมที่จะช่วยให้ร้านชาไข่มุกเล็ก ๆ เหล่านี้
- เพิ่มยอดขายได้เร็วขึ้นด้วยปลายนิ้วสัมผัส
- เลือกเครื่องดื่มหรือเพิ่มท็อปปิ้งได้ตามใจลูกค้า
- ติดตามการขายและข้อมูลสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สั่งซื้อสินค้าได้แบบอัตโนมัติเมื่อสต๊อกเริ่มเหลือน้อย
- ใช้ฟังก์ชั่นตัดสต๊อกแบบหลายส่วน ที่ช่วยให้ผู้จัดการร้านเช็คได้ว่าใช้วัตถุดิบแต่ละอันไปเท่าไหร่ต่อเครื่องดื่ม 1 แก้ว เช่น ถ้าชาไข่มุก 1 แก้วใช้นม 50 มล. ตัวระบบ POS ก็จะตัดนม 50 มล. จากสต๊อกทันทีที่มีการขาย !
ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องมานั่งคาดการณ์หรือประเมินว่านม 1 กล่องใช้ทำชาไข่มุกและเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้กี่แก้ว นั่นก็เพราะว่าระบบ POS ช่วยคำนวณให้คุณได้อย่างแม่นยำ !
นอกจากนี้ตัวโปรแกรมยังใช้ง่าย ให้พนักงานของคุณใช้งานเป็นภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที !
เนื่องจากระบบ POS เป็นโปรแกรมขายที่ใช้งานง่าย แถมยังช่วยให้ร้านชาไข่มุกเล็ก ๆ หลายร้านผงาดและเติบโตในท้องตลาดทุกวันนี้ด้วย !
แล้วในปัจจุบันก็มีหลายธุรกิจที่กำลังใช้ระบบ POS ช่วยบริหารจัดการร้านให้ดีขึ้น ดังนั้นก็ถึงเวลาที่คุณต้องใช้ระบบ POS ในร้านชาไข่มุกของคุณบ้างแล้ว !
และที่สโตร์ฮับของเราก็มีระบบ POS ที่เหมาะกับร้านชาไข่มุกและแฟรนไชส์ร้านชาไข่มุกเป็นอย่างมาก เพราะระบบของเราคำนวณยอดได้อย่างรวดเร็ว นับและตัดสต๊อกแบบแยกส่วนได้อย่างแม่นยำ ปริ้นต์สติ๊กเกอร์ติดแก้วพร้อมใส่ชื่อลูกค้าได้ ทั้งยังมีฟีเจอร์ทรงประสิทธิภาพอีกมากมาย รู้อย่างนี้แล้ว รีบสมัครทดลองใช้งานฟรีก่อนใครที่นี่ !