ในช่วงโคโรน่าไวรัส หรือ COVID-2019 ธุรกิจค้าปลีกคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก อย่างที่ทุกคุนน่าจะทราบผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างดี แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะเราเห็นโอกาสการเพิ่มรายได้ของร้านคุณ เพียงแค่คุณเปลี่ยนมาขายของออนไลน์ ecommerce ก็จะเป็นอีกทางเลือกที่ดี ในภาวะที่คนไม่อยากออกจากบ้าน และจับจ่ายบนโลกออนไลน์มากขึ้นในขณะนี้
ขั้นตอนการขายของออนไลน์นั้นทำได้ไม่ยากขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้ช่องทางไหนให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือเหมาะกับธุรกิจเรามากที่สุด ซึ่งเรานำเสนอตัวเลือกให้ถึง 5 ตัวเลือกในการเริ่มต้นขายของออนไลน์ ลองดูว่า ร้านของคุณเหมาะกับวิธีการแบบไหนมากที่สุด
1. เริ่มจากการสร้าง Facebook Page
ภาพจาก Freepik
การทำ Facebook Page เปรียบเสมือนหน้าร้านที่เอาไว้พูดคุยกับลูกค้า และบรรยายถึงคุณสมบัติของสินค้าที่เราขาย ไปจนถึงความเป็นมาของร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อให้กับลูกค้า ช่องทางนี้เหมาะสำหรับการสื่อสารมากกว่าการขายโดยตรง เช่น การโพสต์บอกลูกค้าว่าทางร้านกำลังจัดโปรโมชั่น หรือ คุณสมบัติของสินค้าที่เราขายแบบละเอียด เช่น รีวิวสินค้าจากผู้ใช้จริง
สำหรับบางร้านก็สามารถปิดยอดขายได้เลยบน Facebook ผ่าน Facebook Messenger หรือนำลูกค้าไปพูดคุยต่อใน LINE และที่สำคัญ บน Facebook ยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆที่พร้อมให้คุณขายของออนไลน์ได้ ได้แก่
- Facebook Marketplace : เป็นฟังก์ชั่นที่มีมาสักพักสำหรับ Facebook แม้จะไม่ถูกใช้มากแต่ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะลงสินค้าเราในนี้ ที่สำคัญฟรี
- Facebook Live : อาจจะฟังดูไม่เป็นทางการ แต่การไลฟ์ขายของถือเป็นอีกช่องทางในการทำเงิน หลายๆร้านนอกจะมีหน้าเพจเพื่อแจ้งข่าวและการไลฟ์เพื่อพูดคุยกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ยังมีร้านจำนวนไม่น้อยที่ไลฟ์ขายของแบบเรียลไทม์อีกด้วย เป็นการใช้ทุกช่องทางให้มีประโยชน์สูงสุด
2. สร้างไลน์ LINE Official Account เพื่อสื่อสารกับลูกค้า
ภาพจาก LINE for Business
ถึงแม้ว่าเราเพิ่งเริ่มต้นเปิดร้านและลูกค้ามีจำนวนน้อย แต่บริการนี้จากทางไลน์มีแพ็คเกจฟรีสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก เราสามารถใช้ช่องทางนี้เพื่อสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งจากสถิติของปี 2019 คนไทยใช้ไลน์ 44 ล้านคน ทำให้ไลน์เป็นช่องทางการสื่อสารหลักของคนไทยเลยก็ว่าได้
คุณสามารถใช้ LINE เป็นช่องทางในการสื่อสาร หรือ ปิดการขายเลยก็ได้ โดยวิธีนำลูกค้าเข้ามาคุยต่อใน LINE อาจมีได้ 2 วิธีใหญ่ๆ
- ดึงลูกค้าจาก Facebook และ IG สู่ LINE: วิธีการนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะใน LINE คุณสามารถพูดคุยส่วนตัว สอบถามความต้องการจากลูกค้ารายบุคคลได้ ที่สำคัญ หากคุณต้องการ Boardcast ข้อความ เพื่อแจ้งสินค้าใหม่ และ โปรโมชั่น ก็สามารถทำได้ ซึ่งตรงนี้ น่าจะตอบโจทย์มากกว่า การให้ลูกค้าพูดคุยกับทางร้านโดยวิธีอื่น
- ดึงลูกค้าจากหน้าร้านเข้ามาพูดคุยใน LINE: อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ มีโอกาสน้อยมากที่คนจะออกมานอกบ้านเพื่อซื้อของเหมือนแต่ก่อน แต่ถ้าลูกค้ามาถึงหน้าร้านคุณแล้ว อย่าลืมให้ลูกค้าแอด LINE ของทางร้านไว้ เพื่อสะดวกต่อการซื้อซ้ำของลูกค้า
3. นำสินค้าไปลงใน Online Marketplace Platform
ภาพจาก Freepik
Online Marketplace Platform ก็คือเว็บไซต์ ecommerce อย่าง Shopee และ Lazada เราสามารถจัดแต่งหน้าร้านได้เป็นระบบมากขึ้น เราสามารถใส่รายละเอียดสินค้า, รูปภาพ, และราคาลงไปในเว็บได้เลย รวมทั้งสามารถกำหนดค่าส่งได้ด้วย โดยที่ไม่ต้องคอยตอบลูกค้าทีละข้อความเหมือนใน Facebook Page ดังนั้นการขายในช่องทางนี้เป็นทางเลือกที่ดี และเริ่มการขายได้รวดเร็ว เพราะเราไม่ต้องหาวิธีการโปรโมท คนทั่วไปรู้จักเว็บไซต์ ecommerce เหล่านี้อยู่แล้ว จะมีข้อเสียก็อาจจะอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการทำให้สินค้าของเราไปแสดงผลอยู่บนหน้าแรกๆของเว็บไซต์เหล่านี้
ไม่รู้ว่าจะเริ่มขายของบน Shopee และ Lazada ได้อย่างไร? ไม่ต้องกังวล เราหามาให้แล้ว แค่คลิกลิงค์ด้านล่าง
4. การสร้างเว็บไซต์
ภาพจาก Freepik
วิธีนี้ฟังดูยุ่งยากสำหรับมือใหม่ แม้ว่าจะมีบริการสร้างเว็บไซต์แบบสำเร็จรูปอยู่ค่อนข้างมาก แต่ว่าเราอาจจะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อดำเนินการสร้างให้เรา หากมองในมุมของลูกค้านั้น เว็บไซต์จะสะดวกในการซื้อและดูน่าเชื่อถือมากกว่า แต่วิธีนี้นั้นเราต้องเสียค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากถ้าเทียบกับทั้งหมดที่กล่าวมา
5. เลือกใช้ระบบ POS ที่เปิดเว็บไซต์ให้คุณฟรี และรองรับการจ่ายเงินออนไลน์
คุณสามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อทดลองใช้งานระบบ POS และเปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์ ฟรี ๆ เมื่อกรอกรายละเอียดเสร็จก็รอทีมงานของเราติดต่อกลับไปได้เลย !
แล้วคุณจะมีโอกาสเพิ่มยอดขายและเข้าถึงลูกค้าของคุณได้ตลอดเวลา งานนี้ปลอดภัยจาก COVID-19 ทั้งคนซื้อและคนขายแน่นอน
กรอกข้อมูลเพื่อเปิดร้านค้าออนไลน์ ฟรี
ทั้งนี้สำหรับใครที่เป็นลูกค้า StoreHub อยู่แล้ว และใช้งานแพ็คเกจเริ่มต้นเป็นอยู่ จะได้รับสิทธิพิเศษ ซึ่งก็คือ ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซ ให้คุณสร้างเว็บไซต์และเปิดร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองได้อย่างดาย ทั้งยังไม่ต้องเสียเงินจ้างนักเขียนโปรแกรมแพง ๆ หรือปวดหัวกับการสร้างเว็บ เพราะเรามีเทมเพลตมาให้คุณพร้อมแล้ว ! และวิธีการเปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์กับ StoreHub ก็มีเพียง 2 ขั้นตอนหลัก ๆ คือ
- เปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์
- เปิดร้านค้าออนไลน์แบบสาธารณะ – เผยแพร่ร้านค้าออนไลน์
2 ขั้นตอนการเปิดร้านค้าออนไลน์สำหรับลูกค้า StoreHub
1. เปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์
1.1 การเปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์ผ่าน Checklist
- ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ BackOffice ของคุณ > ร้านค้าออน์ไลน์ > เริ่มการใช้งาน
- ขั้นตอนที่ 2: ตั้งค่าตามคำแนะนำบนหน้าจอ
1.2 เปิดใช้งานร้านค้าออนไลน์ผ่าน BackOffice
- ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ BackOffice ของคุณ > ตั้งค่า > บัญชี > เลื่อนหน้าจอลงมาที่ โซนอันตราย
- ขั้นตอนที่ 2: คลิก ‘เปิดการใช้งาน’ ที่ ‘เปิดการใช้งานร้านค้าออนไลน์’ เมื่อคุณพร้อม
- ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันการดำเนินการนี้โดยพิมพ์ใน ONLINE (ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด) เมื่อหน้าต่างป๊อปอัพปรากฏขึ้น
หมายเหตุ: ถ้าคุณไม่ใช้ฟีเจอร์ร้านค้าออนไลน์ สามารถปิดใช้งานได้ทุกเมื่อโดยกลับไปที่ โซนอันตราย > กด ‘ปิดการใช้งาน’ ที่ ปิดการใช้งานร้านค้าออนไลน์ > ยืนยันการดำเนินการนี้โดยพิมพ์ DISABLE (ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด) ในหน้าต่างป๊อปอัปที่ปรากฏขึ้น
2. เปิดร้านค้าออนไลน์แบบสาธารณะ – เผยแพร่ร้านค้าออนไลน์
เปิดร้านค้าออนไลน์แบบสาธารณะเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าได้อย่างสะดวกสบายบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ !
- ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ BackOffice > ตั้งค่า > บัญชี > โซนอันตราย > เปิดร้านค้าออนไลน์แบบสาธารณะ (จะอยู่ด้านล่างส่วนของ ‘ปิดการใช้งานร้านค้าออนไลน์’ คุณจะเห็นส่วนการเปิดร้านค้าออนไลน์สาธารณะเมื่อคุณเปิดการใช้งานร้านค้าออนไลน์แล้ว)
- ขั้นตอนที่ 2: ยืนยันการดำเนินการโดยพิมพ์ PUBLISH (ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด) จากนั้นคลิก ‘เปิดใช้งานงาน’
หมายเหตุ: ถ้าคุณต้องการยกเลิกการเปิดร้านค้าออนไลน์สาธารณะ ไปที่ BackOffice > ตั้งค่า > บัญชี > โซนอันตราย > กดที่ปุ่ม ‘ปิดการใช้งาน’
สุดท้ายพิมพ์ UNPUBLISH (เป็นตัวพิมพ์ใหญ่) จากนั้นกดปิดการใช้งานเพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง
โบนัส! ตอนนี้ StoreHub ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อให้บริการ SCB Payment Gateway เพื่อให้ลูกค้าของคุณช้อปสะดวกสบายที่สุดและไร้ข้อจำกัดด้านตัวเลือการจ่ายเงิน คุณจึงมั่นใจได้ว่าร้านค้าออนไลน์ของคุณจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของคุณ!
ยังไม่ใช่ลูกค้าสโตร์ฮับ แต่ต้องการทดลองเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์ฟรี ? กรอกแบบฟอร์มด้านล่างแล้วรอทีมงานของเราติดต่อกลับไปได้เลย !
<!– –> <!–
<!–
–>
สรุป
เราควรใช้ช่องทางการขายของให้ครบทุกช่องทาง เพราะลูกค้าแต่ละประเภทก็ใช้เวลาบนโซเชียลมีเดียที่แตกต่างกันออกไป การที่เราใช้ทั้งหมดก็เพื่อครอบคลุมลูกค้าทุกคน และใช้ประโยชน์จากมันให้ถูกต้อง เช่น เราใช้ Facebook หรือ Instagram เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และ ใส่ลิงค์เว็บไซต์เราเพื่อให้ลูกค้าคลิกตามไปซื้อบนหน้าเว็บ เพื่อง่ายต่อการจัดการยอดขาย และการทำสต๊อกสินค้า รวมถึงง่ายตัวตัวลูกค้าเองด้วย หากเว็บไซต์ของคุณรองรับการชำระเงินออนไลน์ และมีช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลาย