WhatsApp our business consultants: +601117227604

หนีวิกฤต COVID-19 ร้านค้าปลีกจะอยู่รอดได้ยังไง?

วิกฤต COVID-19 ทำเอาเศรษฐกิจในประเทศไทยชะลอตัว ธุรกิจของคุณได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่? มีคนเข้ามาซื้อของที่หน้าร้านลดลงหรือไม่? รายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นี่คงเป็นสัญญาณที่กำลังชี้ว่าคุณจะต้องหาทางออกให้กับธุรกิจของคุณให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ซึ่งสิ่งที่คุณทำได้ก็คือการหาแหล่งรายได้ใหม่ หรือการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในร้านของคุณ

ในการเปิดธุรกิจ แน่นอนว่าคุณจะต้องมีค่าดำเนินงาน ซึ่งต้นทุนการดำเนินงานก็คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารธุรกิจ, การบำรุงรักษาในแต่ละวัน, ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ 

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของต้นทุนการดำเนินงาน :– 

  • ค่าเช่า
  • ค่าสาธารณูปโภค (ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าอินเตอร์เน็ต)
  • เงินเดือนพนักงาน
  • ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด
  • ค่าอุปกรณ์สำนักงาน
  • ค่าประกันและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับกฎหมาย
  • ค่าซ่อมและค่าบำรุงรักษา

และวันนี้สโตร์ฮับก็ได้รวบรวม 5 เทคนิคที่คุณสามารถนำเอาไปใช้ได้จริงเพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจของคุณ จนกว่าจะผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

1. จัดการสต๊อกสินค้าในคลัง และอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าหากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจประเภทสินค้าที่ไม่มีวันหมดอายุ อย่างเช่น เสื้อผ้า ของฝาก คุณอาจจะต้องมีการอัพเดทสต๊อกของคุณอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตแบบนี้ คุณอาจจะไม่ต้องการสั่งซื้อของมาสต๊อกมากนัก เพราะมีโอกาสเสี่ยงในการขายสินค้าไม่ออก ดังนั้นการอัพเดทจำนวนสินค้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณรู้ว่าสินค้าตัวไหนขายดี และตัวไหนขายไม่ดี จะได้ลดการสั่งสินค้าเหล่านั้น

ถ้าหากธุรกิจของคุณขายสินค้าที่มีวันหมดอายุ อย่างเช่นการเปิดร้านมินิมาร์ท การอัพเดทสต๊อกยิ่งมีความสำคัญ คุณควรมีระบบที่ช่วยคุณจดวันหมดอายุของสินค้า คุณจะได้สามารถระบายสินค้าที่ใกล้หมดอายุก่อน จะได้ไม่เกิดความเสียหายต่อสต๊อกสินค้าของคุณ คุณอาจจะจัดโปรโมชั่น 1 แถม 1 เพื่อระบายสต๊อกออกไป

2. เวลาก็คือต้นทุน ที่คุณสามารถใช้พัฒนาในส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจ

ระบบจัดการหน้าร้านสโตร์ฮับ

เวลาก็เป็นหนึ่งในต้นทุนของร้านคุณ ถ้าหากคุณลดเวลาในการทำสิ่งที่ไม่จำเป็นลงได้ คุณจะได้นำต้นทุนด้านเวลาไปใช้พัฒนาและแก้ไขส่วนอื่น ๆ ของธุรกิจ

วิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลและมีประสิทธิภาพสำหรับการจัดการธุรกิจค้าปลีกและการลดต้นทุนการดำเนินงานก็คือ การใช้ระบบ POS ซึ่งเป็นตัวช่วยในการบริหารธุรกิจทั้งหน้าร้านและบนเว็บไซต์ 

ตัวอย่างเช่นระบบ POS ของสโตร์ฮับนั้น จะช่วยลดต้นทุนเวลาของคุณลงไปได้เยอะด้วยฟีเจอร์เหล่านี้:-

  • คุณไม่ต้องเสียเวลานับสต๊อกสินค้าและจดลงกระดาษ ใช้ระบบจัดการสต๊อก แค่คลิกเดียวก็รู้จำนวนสินค้าในร้านทั้งหมด
  • คุณไม่ต้องเสียเวลาคำนวนยอดขายรายวัน ยอดขายรายเดือนอีกต่อไป ใช้ระบบทำรายงานการขาย คลิกเดียวก็ปิดบัญชีร้านได้เลย
  • ระบบบริหารพนักงานจะช่วยให้คุณรู้ว่าพนักงานเข้างานกี่โมง ออกงานกี่โมง ใครขายเก่งที่สุดในร้าน ช่วยให้คุณเลือกคนที่ถูกต้องมาใช้งาน

ใช้ระบบ POS ของสโตร์ฮับที่จะช่วยทำบัญชี บริหารทรัพยากรมนุษย์ และดูแลสต๊อกสินค้าในคลัง เพื่อลดเวลาที่ใช้ไปกับงานเอกสาร การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจะลดเวลาในการทำงานของลูกน้อง และที่สำคัญเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รายละเอียดแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่จะตามมาในภายหลัง

คุณจะได้เอาเวลาในส่วนนี้ ไปหาวิธีในการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางอื่น ๆ ร้านค้าจะได้มีรายได้หลายช่องทาง ซึ่งถือเป็นวิธีหนึ่งที่คุณจะพาธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

3. ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณา

ในช่วงเวลานี้ การทำการตลาดและโฆษณาอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์มากนัก เนื่องจากคนไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย นอกจากว่าคุณจะมีเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ ดังนั้นการลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดลงในช่วงนี้ เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

อย่างไรก็ตามคุณควรจะมองหาช่องทางในการโปรโมทร้านค้าของคุณใหม่ ๆ ที่ไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างเช่น การใช้ Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, YouTube, TikTok เป็นต้น

ถ้าหากคุณมีความคิดสร้างสรรค์ในการทำโฆษณา ช่องทางข้างต้นก็น่าจะเป็นโอกาสในการโปรโมทร้านของคุณได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร

ตัวอย่างเช่นร้าน SMAYA ซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าผู้หญิงชาวมุสลิม เธอบอกกับเราว่า ในช่วงนี้คนไม่ค่อยเข้าหน้าร้านสักเท่าไรนัก เธอเลยไลฟ์บน Facebook มากยิ่งขึ้น ออกคอลเล็คชั่นเสื้อผ้าที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะโปรโมทให้คนมาใช้บริการที่หน้าร้าน โดยการแจกเจลล้างมือสำหรับลูกค้าที่เดินเข้ามาที่หน้าร้าน ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างของธุรกิจที่ปรับตัวเพื่อพยุงธุรกิจของพวกเขาให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไป

4. ลดต้นทุนค่าแรงงาน

ผู้ชายจับมือกับผู้หญิง

จัดเวลาการทำงานของพนักงาน

คุณควรจัดตารางการทำงานของพนักงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ในเมื่อคุณรู้ว่าธุรกิจของคุณจะมีคนเข้าเยอะหรือน้อยช่วงไหน คุณก็สามารถแบ่งจำนวนพนักงานให้เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น ๆ และที่สำคัญคุณควรให้พนักงานเข้าทำงานและออกงานอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันการทำงานล่วงเวลา ซึ่งธุรกิจของคุณจะต้องจ่ายค่าทำงานล่วงเวลา (OT) ให้กับพนักงาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น

ในกรณีที่คุณต้องการพนักงานเสริม คุณสามารถมองหาพนักงานพาร์ทไทม์แทนที่จะจ้างพนักงานเต็มเวลา เพื่อที่คุณจะได้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายของพนักงานได้

ลดอัตราการลาออก

บุคลากรคือทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดสำหรับทุก ๆ ธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก และนี่คือเหตุผลหลักว่าเหตุใดการลาออกของพนักงานจึงมีค่าใช้จ่ายมากมายเมื่อมีพนักงานออกจากบริษัทไป ปัจจัยที่คุณควรคำนึงเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลาออกของพนักงานได้แก่

  • ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานใหม่ เช่น การลงประกาศรับสมัคร การสัมภาษณ์ การคัดกรอง การจ้าง
  • ค่าใช้จ่ายในการเตรียมพร้อมพนักงานใหม่ เช่น ระยะเวลาการอบรม
  • ประสิทธิภาพการทำงานที่หายไป เพราะพนักงานใหม่อาจใช้เวลาถึง 1-2 ปีในการทำงานได้ระดับเดียวกับพนักงานเดิม
  • ความผิดพลาดจากมนุษย์ เนื่องจากพนักงานใหม่มีโอกาสทำผิดพลาดมากกว่าพนักงานเดิมเพราะพวกเขายังไม่คุ้นเคยกับระบบหรือขั้นตอนการทำงาน

ปัจจัยเหล่านี้ (และอื่น ๆ อีกมากมาย) อาจนำไปสู่ค่าใช้จ่ายที่สูงได้

5. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ

มือถือใบไม้

แนวคิดรักษ์โลกเป็นผลดีกับทั้งสิ่งแวดล้อมและธุรกิจของคุณ ที่สำคัญแนวคิดรักษ์โลกจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจของคุณได้ไม่น้อยเลย

  • ลดค่าไฟฟ้าด้วยการใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน เช่น หลอด LED และหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) ซึ่งใช้ได้นานกว่า ประหยัดพลังงานกว่า และให้แสงที่สว่างกว่า
  • ซื้อและใช้กระดาษให้น้อยลง โดยเริ่มจากคิดหาขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้กระดาษ
  • ใช้ระบบ POS ในการเก็บข้อมูลของร้านคุณ แทนที่จะใช้การจดข้อมูลบนกระดาษ
  • หมั่นสอดส่องดูแลจุดชำรุดต่าง ๆ ในร้านของคุณ ไม่ว่าจะเป็นท่อประปา, หลอดไฟ

และนี่ก็คือ 5 เคล็ดลับการลดต้นทุนสำหรับร้านค้าปลีก ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริงในช่วงวิกฤตแบบนี้ 

CTA - ระบบ POS สโตร์ฮับ โปรแกรมจัดการร้านค้าปลีกและร้านอาหาร

Share this Post

Hey there! Please enter your store name.

.storehubhq.com