เรามี 5 อย่างที่จะช่วยปูทางความสำเร็จให้กับร้านอาหารและคาเฟ่ของคุณได้ และเราก็ได้รวมรวมมาฝากพร้อมแนววิธีทำแบบทีละขั้นตอนดังนี้ :-
- รู้จักลูกค้าของคุณ
- ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing)
- ระบบสั่งอาหารแบบอัตโนมัติ (Automated Ordering)
- รองรับบริการแบบไร้สัมผัสและไร้เงินสด
- มีระบบการจัดการหลายช่องทาง
1. รู้จักลูกค้าของคุณ
ข้อนี้คือพื้นฐานของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้
เพราะในที่สุดแล้ว คุณต้องใช้จ่ายไปกับการหาลูกค้าใหม่ ๆ มากกว่าการรักษาลูกค้าเดิมถึง 5 – 25 เท่า
ดังนั้นการรู้ว่าลูกค้าของคุณคือใครและทำให้พวกเขากลับมาใช้บริการร้านบ่อย ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
ซึ่งขั้นตอนก็จะเป็นไปตามนี้ . . .
รู้จักและเข้าใจลูกค้า → ขายดีขึ้น / สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า → สร้างชื่อเสียงที่ดีให้กับร้าน → เพิ่มยอดขายและเพิ่มฐานลูกค้าประจำ / ลูกค้าบอกกันปากต่อปาก ทำการตลาดได้แบบฟรี ๆ
หากมีงบจำกัดและยังไม่สามารถซื้อระบบ CRM ได้ ก็ไม่ต้องกังวลไป
แค่เริ่มสะสมข้อมูลพื้นฐานของลูกค้าตามนี้ก็พอ
- ชื่อ
- เบอร์โทร
- อีเมล
คุณสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อส่ง SMS หรือส่งข้อความผ่าน LINE ไปยังลูกค้าของคุณเพื่อแจ้งเกี่ยวกับโปรโมชั่นหรือสินค้าใหม่ได้เลย
Collect as much information as you can on your customers so you know:
เก็บข้อมูลลูกค้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วจะรู้ว่า . . .
- ลูกค้าขาประจำคือใคร (ให้รางวัลลูกค้าเพื่อกลับมาใช้จ่ายที่ร้านบ่อย ๆ )
- ลูกค้าใหม่คือใคร (สร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาช้อปด้วยโปรโมชั่น)
- ลูกค้าชอบซื้อสินค้าไหน
- ลูกค้าไม่ชอบสินค้าอะไร
- ราคาไหนที่ลูกค้าเต็มใจจ่าย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการทำธุรกิจได้ดีขึ้น
เคล็ดลับ: ใช้ระบบ POS อย่างสโตร์ฮับที่จะช่วยคุณเก็บข้อมูลลูกค้าและส่ง SMS ไปยังลูกค้าทีละหลาย ๆ คนได้ง่าย ๆ
2. ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing)
ถ้าพูดถึงดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งแล้ว
แรก ๆ อาจจะฟังดูน่ากลัว แต่บอกเลยว่าเป็นวิธีที่ประหยัดและคุ้มค่าแก่การลงทุนมาก ทั้งยังช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้คาเฟ่หรือร้านอาหารของคุณเป็นที่รู้จัก (Brand Awareness) มากขึ้นอีกด้วย
นี่คือ 3 ไอเดียในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่เจ้าของธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มสามารถทำได้ :-
- เคลมโปรไฟล์ Google My Business ของร้าน
- มีความเคลื่อนไหวบน Social Media
- รันแคมเปญโฆษณา Remarketing บน Facebook (Facebook Remarketing Ad Campaign)
เคลมโปรไฟล์ Google My Business ของร้าน
Google My Business คือ เครื่องมือสุดง่ายและฟรีที่ช่วยให้ธุรกิจร้านค้าสร้างตัวตนบน Google ซึ่งรวมถึงเครื่องมือการค้นหาบน Google (Google Search) และแผนที่ Google Maps
คุณสามารถเคลม ยืนยัน และแก้ไขโปรไฟล์ Google My Business ของคุณเหมือนร้าน Rei House Coffee ในภาพตัวอย่างข้างต้น เพื่อให้ลูกค้าหาร้านเจอง่ายขึ้นและรู้จักร้านของคุณมากยิ่งขึ้น
และไหน ๆ Google My Business ก็ฟรีแล้ว คาเฟ่/ร้านอาหารของคุณจึงควรใช้ประโยชน์จากตรงนี้และจัดการร้านบน Google อย่างเหมาะสม
มีความเคลื่อนไหวบน Social Media
ความเคลื่อนไหวและการมีตัวตนบน Social Media จะช่วยให้คาเฟ่/ร้านอาหาร
- สร้างความน่าเชื่อถือและความภักดี
- เชื่อมโยงและมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า
- เพิ่มยอดขาย
ถ้าปกติแล้วคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยเล่น Social Media ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว
เพราะในปัจจุบัน อย่างน้อยคุณจำเป็นต้องมีเพจเฟสบุ๊คร้านและไอจีร้าน
เหตุผลก็คือ คนส่วนใหญ่มักจะหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า
คุณอยากให้ลูกค้าเห็นหรือค้นเจออะไรบนโลกออนไลน์ ?
ดังนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะโพสต์บน Social Media เพื่อแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าร้านของคุณดูดี น่าเชื่อถือ และสินค้าของคุณคุ้มค่ากับการซื้อมากแค่ไหน
รันแคมเปญ Remarketing บน Facebook
ราว ๆ 70% – 90% ของชาวเอเชียล้วนแต่มีบัญชีผู้ใช้งานบน Facebook
ซึ่งถ้าจะว่าไปจริง ๆ แล้ว คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าบน Social Media ได้มากเลยทีเดียว
โดยปกติแล้ว โพสต์บน Facebook เข้าถึงลูกค้าเพียง 3 – 5% ของผู้ติดตามทั้งหมด
ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อให้โพสต์เข้าถึงคนในจำนวนที่มากขึ้น
แต่จะคุ้มค่าหรือเปล่าล่ะ ?
คุณจะเพิ่มยอดขายร้านด้วยวิธีนี้ได้ไหม ?
คำตอบก็คือ . . . มีแคมเปญโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ad ที่คุณเองก็ทำได้ง่าย ๆ ทั้งยังไม่ต้องเปลืองแรง แต่ผลที่ได้กลับคุ้มค่ามาก ๆ
และนั่นก็คือ Facebook Remarketing Ad Campaign หรือ แคมเปญโฆษณาเพื่อย้ำความสนใจของกลุ่มเป้าหมายบน Facebook
แคมเปญตรงนี้จะแสดงโฆษณาของคุณให้ลูกค้ากลุ่มที่เคยมีปฏิสัมพันธ์ (กดไลค์ แชร์ คอมเมนต์) บนโพสต์เพจเฟสบุ๊คเห็น
และข้อดีของกาารรันแคมเปญโฆษณาเพื่อย้ำความสนใจของกลุ่มเป้าหมายบน Facebook ก็คือ
- เพิ่ม Conversion Rate (หมายความว่าคุณจะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น)
- แบรนด์/ร้านเป็นที่จดจำมากยิ่งขึ้น (หมายความว่าผู้คน/ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะจำคาเฟ่/ร้านอาหารของคุณได้มากขึ้น)
- ถูกกว่าช่องทางการทำโฆษณาอื่น ๆ
3. ระบบสั่งอาหารแบบอัตโนมัติ (Automated Ordering)
กระแสเงินสดและ Conversion Rate (เปอร์เซ็นต์จำนวนคลิกที่แปลงเป็นยอดขาย) คือหัวใจสำคัญของการอยู่รอดสำหรับธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปัจจุบัน
และอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ธุรกิจร้านอาหารเกิดเงินรั่วไหลก็คือ การรับออร์เดอร์หรือการสั่งอาหารแบบจดมือ เพราะว่า . . .
- ต้องมีพนักงานเข้ามาเกี่ยวข้อง
- โอกาสผิดพลาดสูง
ซึ่งส่งที่ผลตามมาก็คือ . . .
ลูกค้า StoreHub หลายคนได้เปิดใช้บริการ Beep Delivery เพื่อลดความผิดพลาดในการรับออร์เดอร์สำหรับลูกค้าที่สั่งอาหาร Food Delivery หรือต้องการมารับด้วยตนเองที่ร้าน
4. รองรับบริการแบบไร้สัมผัสและไร้เงินสด
ภาพโดย emy จาก Unsplash และไอคอนโดย Freepik จาก www.flaticon.com
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่ยังมีต่อเนื่องเรื่อย ๆ ก่อให้เกิด New Normal หรือการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ของหลายวงการ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ร้านอาหารเท่านั้น
แทนที่ลูกค้าจะไปทานอาหารที่ร้านเหมือนแต่ก่อน แต่ในยุค New Normal นี้ลูกค้าร้านอาหารจะ
- พรีออร์เดอร์
- ซื้อกลับไปทานที่บ้าน/Drive-thru
- ส่งอาหารเดลิเวอรี่ (Food Delivery)
- สั่งอาหารออนไลน์
- สั่งอาหารแบบไร้สัมผัส
- จ่ายเงินแบบไร้สัมผัส
ถ้าหากสังเกตดี ๆ แล้ว ขั้นตอนข้างต้นล้วนแต่อาศัยการเทคโนโลยีและระบบการทำงานแบบอัตโนมัติกันทั้งนั้น เป็นวิธีที่คาเฟ่และร้านอาหารหลายแห่งยังไม่เคยนำมาใช้กันก่อนหน้านี้
5. มีระบบการจัดการหลายช่องทาง
การใช้เทคโนโลยีในคาเฟ่/ร้านอาหารถือเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมเลยก็ว่าได้
แต่การใช้หลาย ๆ ระบบในร้านเพื่อจัดการร้าน, ติดตามยอดขาย, CRM, ติดตามสต๊อก ฯลฯ ก็อาจจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับคุณเปล่า ๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมระบบเดียวที่จัดการได้หลายช่องทางถึงสำคัญกับธุรกิจของคุณมาก ๆ เพราะระบบที่ว่านี้ช่วย
- ลดความยุ่งยากในการจัดการร้าน ไม่ต้องใช้หลาย ๆ ระบบ
- ช่วยให้บริหารธุรกิจได้ดีขึ้น
- ลดเวลาในการเรียกดูข้อมูลสำคัญของร้าน
สรุปก็คือ คาเฟ่/ร้านอาหารของคุณจำเป็นต้องมีระบบเดียวที่จัดการได้ครบทุกอย่าง