ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงแคมเปญ Facebook Ads ที่ร้านอาหาร/คาเฟ่จะต้องวางแผนและลงมือทำเป็นอันดับแรกก่อนที่จะทำการตลาดหรือทำโฆษณาเฟสบุ๊คใด ๆ บนเพจ/ไอจีร้าน
และที่เจ๋งคือ แคมเปญโฆษณา Facebook ที่เราจะมาบอกต่อนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้
และนั่นก็คือ . . .
แคมเปญ Facebook Remarketing!
ทำไมร้านอาหาร/คาเฟ่ต้องทำ Facebook Remarketing?
นั่นก็เพราะว่าการทำ Facebook Remarketing เป็นการทำการตลาดเพื่อย้ำความสนใจและสามารถกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าที่ร้านได้ ทั้งยังถูกกว่าค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ ๆ ถึง 10 เท่า! (แล้วใครจะไม่ทำล่ะ จริงไหม?)
และในบทความนี้เราก็ได้ ยง เชง (Yong Sheng) ผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงแอด (Online Ads Specialist) Facebook, Google, YouTube, Media Buy (จัดซื้อสื่อ) ฯลฯ ของสโตร์ฮับ มาเขียนอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ อย่างละเอียด
ซึ่งถ้าคุณกำลังอ่านบทความนี้ ก็เป็นไปได้ที่คุณอาจจะเคยมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ของเราและ Facebook Ads แคมเปญ Remarketing ของเรา
หรือถ้าคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงถึง 80% ที่คุณอาจจะเคยคลิกโฆษณาหรือว่าเคยสมัครทดลองใช้งานระบบของเราบน Landing Page
และจุดประสงค์ของบล็อกนี้ก็คือ . . . ยง เชง และสโตร์ฮับเราอยากช่วยให้ร้านอาหาร/คาเฟ่ไปต่อได้ในช่วง New Normal เพื่อให้ฟื้นตัวหลังเจอวิกฤต COVID-19 ไป ภาพโดย Carli Jeen จาก Unsplash
เราสังเกตได้ว่าผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่ยังคงหาวิธีเพิ่มรายได้ให้กับร้านและพยายามทุกวิถีทางเพื่อพยุงร้าน ทั้งเปิดให้ลูกค้ามาทานอาหารที่ร้าน ซื้อกลับบ้าน หรือเดลิเวอรี่ออนไลน์ แล้วยังโพสต์บน Facebook ทุก ๆ วัน มีไลฟ์สด วิดีโอ ฯลฯ เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้ลูกค้าตระหนักรับรู้
เราเข้าใจดีว่าขั้นตอนยุ่งยากแค่ไหน และเราก็อยากช่วยคุณ
ดังนั้นหากคุณยังคงรับออร์เดอร์ลูกค้าด้วย LINE หรือว่าแชทบน Social Media แบบแมนวล และกังวลว่าจะไม่ได้รับออร์เดอร์ลูกค้า หรือกลัวว่าลูกค้าจะยกเลิกออร์เดอร์ เราขอแนะนำฟีเจอร์ใหม่ของสโตร์ฮับที่มีชื่อว่า Beep Delivery ที่จะช่วยคุณประหยัดเวลาในการจัดการออร์เดอร์ได้อย่างลงตัว
ทำความรู้จักกับฟีเจอร์ใหม่ของเราไปแล้ว คราวนี้มาดูกันดีกว่าว่าคุณจะเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้กับร้านด้วยแคมเปญ Facebook Ads ที่เรียกว่า Remarketing นี้ได้ยังไง
3 เหตุผลที่คุณควรทำแคมเปญ Facebook Remarketing!
1. ประหยัดแรงและเวลาในการโพสต์บน Social Media ของร้าน
Neil Patel กูรูด้านดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง (Digital Marketing) ได้ทำการค้นคว้าและพบว่า 98% ของลูกค้าจะไม่สั่งซื้อสินค้าในครั้งแรกที่ได้เห็นหรือมีปฏิกิริยากับทางร้าน
ซึ่งถ้าไม่มี Facebook Ads อย่างแคมเปญ Remarketing คุณก็จะทำให้ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับร้านเป็นครั้งที่ 2 หรือ 3 ไม่ได้เลย
และแน่นอนว่าเราอยากให้ลูกค้าโต้ตอบหรือมีปฏิสัมพันธ์กับร้านอย่างรวดเร็ว
2. ลงทุนน้อย แต่ผลลัพธ์เกินคุ้มค่า
การขายสินค้าให้กับลูกค้าที่เคยซื้อจากร้านของคุณหรือลูกค้าที่รู้จักร้านคุณอยู่แล้วนั้นง่ายกว่าเสมอ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมยอดขายของร้านแรก ๆ มักจะมาจากเพื่อนหรือคนในครอบครัวนั่นเอง . . .
นั่นก็เพราะว่าพวกเขารู้จักและเชื่อใจคุณ
3. ราคาถูกมาก ไม่แพงอย่างที่คิด
เมื่อพูดถึง Facebook Ads หลายคนมักจะคิดว่าแพง
โดยคำถามที่พบบ่อยคือ “ควรใช้เงินในการทำ Facebook Ads เท่าไหร่?”
และ ยง เชง Online Ads Specialist ของเราก็มักจะตอบว่า “แล้วแต่งบที่มีและเงินที่คุณเต็มใจจ่าย”
เพราะด้วย Facebook Ads แล้ว คุณสามารถควบคุมงบประมาณได้เต็มที่
ซึ่งคุณสามารถเริ่มต้นที่ $1USD ต่อวันภาพโดย Marta Filipczyk จาก Unsplash
และถ้าคุณพร้อมที่จะทำ Facebook Ads ด้วยงบ $1USD ต่อวันแล้วก็มาเริ่มกันเลย !
ก่อนอื่นเลย คุณควรรู้ว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายสำหรับแคมเปญ Facebook Remarketing ของคุณ
และนี่ก็คือ 5 กลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่คุณควรเลือกในการเริ่มทำแคมเปญโฆษณาเฟสบุ๊คของคุณ
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น คุณจำเป็นต้องรู้วิธีสร้าง Audience List หรือลิสต์ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเสียก่อน
1. ไปที่ Business Manager หรือ Ads Manager บนเพจ Facebook ของร้าน
ถ้าคุณยังไม่มี ก็เริ่มต้นสร้างได้ที่นี่ง่าย ๆ : business.facebook.com/overview
2. เลือก “Audiences” ตรงมุมซ้ายด้านบน

3. คลิก “Create Audience” ด้านบนซ้ายและเลือก “Custom Audience”

ตอนนี้มาพูดถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายบนเพจ Facebook ที่คุณควรทำแคมเปญโฆษณา Remarketing หรือยิงแอดกันดีกว่า
นี่คือ 5 ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 5 บนเพจ Facebook ที่คุณสามารถสร้างลิสต์เพื่อยิงโฆษณา Remarketing ได้
- กลุ่มที่เคยมีส่วนร่วมกับเพจ Facebook ร้าน
- กลุ่มที่เคยมีส่วนร่วมกับเพจไอจีร้าน
- กลุ่มที่เคยดูวิดีโอของร้าน
- ลูกค้ากลุ่มปัจจุบัน
- กลุ่มที่เคยเข้าเว็บไซต์ของร้าน
1. กลุ่มที่เคยมีส่วนร่วมกับเพจ Facebook ร้าน
ยังไงคุณก็โพสต์บนเพจ Facebook ร้านอยู่แล้วใช่ไหม?
แน่นอนว่ามีคนเห็นโพสต์หรือโฆษณาบนเพจของคุณ
และกลุ่มนั้นอาจจะมีคนที่เคยกดไลค์โพสต์แต่ไม่ได้คลิกลิงค์
แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะคุณยังสามารถตั้งเป้าหมายลูกค้ากลุ่มนี้ได้ด้วยการสร้าง Facebook Audience
ซึ่งสำหรับ Audience Duration ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณออนไลน์หรือมีความเคลื่อนไหวมากแค่ไหน
หมายเหตุ: หากขนาดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณน้อยเกินไป เช่น มีแค่ไม่กี่ร้อยคน Facebook อาจจะไม่อนุมัติแคมเปญโฆษณาของคุณ
ดังนั้นเพื่อให้โฆษณาเฟสบุ๊คของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ให้ตั้งระยะเวลาไว้ที่ 30 วัน หรือถ้ายังไม่ได้อีก ก็ให้เริ่มทดลองรัน Facebook Ads ของคุณที่ 60 – 90 วัน
2. กลุ่มที่เคยมีส่วนร่วมกับเพจไอจีร้าน
กลุ่มที่เคยไลค์ Instagram หรือคอมเมนต์แต่ไม่คลิกลิงค์ซื้อสินค้าบนโพสต์ไอจีร้านของคุณ คืออีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายชั้นดี
3. กลุ่มที่เคยดูวิดีโอของร้าน
คุณสามารถจัดกลุ่มวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดเป็น 1 Audience หรือ 1 กลุ่มเป้าหมาย

หรือจะจัดตามระยะเวลาที่ดูวิดีโอก็ได้ โดยสามารถแยก Audience เป็นสัดส่วนต่าง ๆ คือ กลุ่มที่ดู 50%, 75% หรือ 95% ของวิดีโอ
ตัวอย่าง:
- วิดีโอ A – ความยาว 1 นาที 50% ก็คือ 30 วินาที
- วิดีโอ B – ความยาว 3 นาที 50% ก็คือ 90 วินาที
ดังนั้น 50% ของวิดีโอ A และ B ก็จะมีระยะเวลาการรับชมที่ต่างกันหรือจะแยก Audience ตามประเภทของวิดีโอก็ยังได้ เช่น
- กลุ่ม A – วิดีโอโปรโมชั่นPromo related video
- กลุ่ม B – วิดีโอ Testimonial
ผู้คนมักจะมีปฏิสัมพันธ์ (React) ตามอารมณ์ ความรู้สึก และความชอบส่วนตัว
ถ้าร้านอาหารของคุณมีวิดีโอหลากหลายประเภท ก็สามารถจัดกลุ่มตามธีมหรือประเภท จะได้ง่ายต่อการทำ Facebook Ads แคมเปญ Remarketing
หรือถ้าไม่สามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ ก็ให้เริ่มต้นด้วยการเลือกวิดีโอทั้งหมดที่มีคนดูมากที่สุด
4. ลูกค้ากลุ่มปัจจุบัน
หากคุณเก็บข้อมูลลูกค้าร้านอาหารของคุณอยู่แล้ว ในส่วนนี้เราจะมาบอกวิธีนำเข้าข้อมูลเพื่อใช้ในการทำโฆษณาเฟสบุ๊คและตั้งลูกค้ากลุ่มนั้นเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
Facebook มักจะบอกให้เราใส่ข้อมูลอย่างน้อย 3 อย่างเพื่อเลือกลูกค้าสำหรับแคมเปญได้อย่างแม่นยำที่สุด
ซึ่งข้อมูล 3 อย่างที่ ยง เชง Online Ad Specialist ของเรามักจะใช้ก็คือ . . .
- ชื่อ-นามสกุล
- หมายเลขโทรศัพท์
- อีเมล
คุณจะต้องนำเข้า (Import) ข้อมูลโดยใช้ฟอร์แมตของ Facebook ซึ่งสามารถดูวิดีการใช้งานอย่างละเอียดได้ที่นี่
หมายเหตุ: หากคุณยังไม่มั่นใจกับข้อมูลที่มีทั้ง 3 อย่างนี้และไม่มีข้อมูลอื่นของลูกค้า สามารถใส่คอมลัมน์ “ประเทศ” และใส่ “ไทย” ได้เลย
มาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าร้านของคุณยังไม่มีการเก็บข้อมูลลูกค้า ก็ให้เริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้
ลองโปรแกรม CRM หรือระบบ POS ที่มีฟีเจอร์ CRM ในตัวอย่างของสโตร์ฮับมาใช้งาน จะได้เก็บข้อมูลลูกค้าได้ง่ายขึ้น
5. กลุ่มที่เคยเข้าเว็บไซต์ของร้าน
ถ้าหากร้านคุณมีเว็บไซต์และลูกค้ามักจะสั่งซื้อจากหน้าเว็บเป็นส่วนใหญ่ อย่าลืม ! ใส่ Facebook Pixel ID บนเว็บไซต์ของคุณด้วย
หรือหากคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับและเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beep Delivery เราจะเปิดตัวฟีเจอร์นี้ในไม่ช้า ให้คุณเพิ่ม Facebook Pixel ID ได้ง่าย ๆ ผ่านระบบหลังบ้านของสโตร์ฮับ (StoreHub BackOffice) โดยผู้ประกอบการร้านอาหารเช่นคุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคหรือการเขียนโปรแกรมใด ๆ เลย ยังไงอดใจรออีกนิดนะคะ
ด้วยเว็บไซต์ร้านของคุณ คุณสามารถสร้างอีเวนต์ (Event) ได้หลายอัน เช่น
- ดูสินค้า
- เพิ่มสินค้าไปยังตระก้า
- ซื้อ
ในส่วนนี้หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คอมเมนต์ไว้ด้านล่างเลย แล้ว ยง เชง ผู้เชี่ยวชาญของเราจะมาตอบคำถามของคุณเอง
หรือถ้าไม่เลือกลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตามอีเวนต์ คุณสามารถตั้งเป้าโฆษณาเฟสบุ๊คเป็นผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ทั้งหมดได้เลย
เมื่อคุณยืนยันโปรไฟล์ธุรกิจร้านอาหาร/คาเฟ่บน Google ก็ถือว่าขั้นตอนการตั้งค่า Google My Business ของร้านเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่าลืมค้นหาร้านบน Google เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าร้านแสดงผลอย่างถูกต้องด้วยถ้าคุณต้องการกรองและระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจสินค้า/อาหารสูง ก็สามารถเลือกเป็นกลุ่มที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่า 2 ครั้งในช่วงเวลา X วัน
หมายความว่า ผู้เข้าเยี่ยมชมกลุ่มนั้นมีความสนใจในสินค้า/อาหารของร้านมากกว่ากลุ่มที่เข้าเว็บของร้านคุณเพียง 1 ครั้ง
เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาเริ่มทำ Facebook Ads แคมเปญ Remarketing ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เราแนะนำได้เลย !
ด้วย 5 ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายบนเฟสบุ๊ค (Facebook Audience) นี้ ตอนนี้คุณก็พร้อมที่จะยิงแอด Remarketing เพื่อย้ำความสนใจของลูกค้าแล้ว !
แต่ในส่วนของวิธีเขียนโฆษณานั้น ต้องเขียนให้แตกต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่ม เพราะอย่าลืมว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ต่างก็เคยเห็นโพสต์หรือมีส่วนร่วมกับ Facebook ร้านมาแล้วทั้งนั้น
อย่างถ้าเป็นเพื่อนใหม่ คุณก็ต้องแนะนำตัวเอง หรือถ้าเป็นเพื่อนที่คุ้นเคยอยู่แล้ว คุณก็จะมีวิธีพูดที่แตกต่างกันออกไป
และคุณสามารถใช้วิธีนี้กับ Facebook Ads ของคุณได้เลย !
เราหวังว่าการทำตั้งค่า Facebook Ads เพื่อทำแคมเปญ Remarketing ที่เราได้แนะนำไปนั้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและธุรกิจประเภทอื่น ๆ สร้างยอดขายได้มากขึ้นและปรับกลยุทธ์ให้ไปต่อได้ในยุค New Normal นี้
จำไว้ว่า . . .
ถ้าคุณยังไม่ได้ทำ Facebook Remarketing ตอนนี้ หมายความว่าคุณกำลัง
- เสียแรงและเวลาโพสต์บนเพจและไอจีร้าน
- เสียโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับร้านและห่างหายจากลูกค้าที่มี
- พลาดโฆษณาเฟสบุ๊คดี ๆ ที่จ่ายน้อยแต่ผลลัพธ์เกินคุ้ม
ตอนนี้ก็ถึงตาคุณแล้ว !
หากบทความนี้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารเช่นคุณ อย่าลืมบอกให้เรารู้ใต้โพสต์
หรือถ้าคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Facebook Ads ก็คอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลย !