ตอนนี้มาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 (COVID-19) ได้เข้มงวดขึ้น ทำให้มีการประกาศเคอร์ฟิวและคำสั่งล็อคดาวน์เต็มรูปแบบในหลายจังหวัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลายธุรกิจไม่สามารถเปิดได้ตามปกติ ยกเว้นร้านที่ขายสินค้าจำเป็นเท่านั้น
ทั้งยังส่งผลกระทบต่อเจ้าของธุรกิจ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหาร นับเป็นวิกฤตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คำสั่งปิดพื้นที่เสี่ยง ประกาศเคอร์ฟิว และล็อคดาวน์จังหวัดต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารยังไงบ้าง ?
จากการศึกษาธุรกิจร้านอาหารปี 2563 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทยนั้นพบว่า ธุรกิจร้านอาหารจะขยายตัวจากปี 2562 ราว ๆ 1.4% – 2.4% แต่ก็อาจจะเจอโจทย์หินรอบด้าน เช่น ยอดขายลดลง ต้นทุนธุรกิจร้านอาหารที่จะสูงขึ้น หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตามนี่เป็นคาดการณ์ที่ออกมาก่อนหน้าวิกฤตโควิด-19 (COVID-19) ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเจอสถานการณ์ปิดพื้นที่เสี่ยงล็อคดาวน์กรุงเทพและเขตปริมณฑลเช่นนี้ ทั้งยังมีเคอร์ฟิวเพิ่มขึ้นมาอีก ผู้ประกอบการร้านอาหารก็ต้องหาแนวทางการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดกลางและขนาดย่อม หรือแม้กระทั่งร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีเพียงหน้าร้าน จะต้องเร่งปรับตัวรับมือ หาแนวทางพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สร้างยอดขาย และเพิ่มช่องทางการเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น ที่สำคัญต้องมีจุดเด่นที่แตกต่างจากร้านอื่นเพื่อให้ลูกค้ากลับมาสั่งอาหารซ้ำที่ร้านบ่อย ๆ
ไม่เช่นนั้นร้านอาหารรายกลางและรายย่อยอาจจะเสียยอดขายและลูกค้าที่มีไปโดยปริยายในช่วงล็อคดาวน์และช่วงที่ประกาศเคอร์ฟิวนี้ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่รู้แน่ชัดว่าการประกาศยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ เพราะหากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ยังไม่ลดลง ก็อาจจะมีแนวโน้มเพิ่มระยะเวลาการเปิดพื้นที่เสี่ยงในกรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดอื่น ๆ ตามมา
ดังนั้นอย่าปล่อยให้ร้านอาหารของคุณต้องสะดุดไปกับวิกฤตการณ์โควิด-19 นี้
แล้วอะไรที่เป็นทางออกของร้านอาหารขนาดกลางและขนาดย่อย ?
Food Delivery คือแนวทางที่ตอบโจทย์ในช่วงล็อคดาวน์ 22 วันและช่วงประกาศเคอร์ฟิวนี้มากที่สุด ทั้งในส่วนของร้านอาหารและลูกค้าเอง เพราะแม้จะมีการสั่งปิดพื้นที่เสี่ยง แต่บริการสั่งอาหารออนไลน์ก็ยังสามารถใช้ได้ตามปกติ
ซึ่งหลังจากที่มีคำสั่งประกาศชัดเจนจากผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ในวันที่ 21 กับ 22 มี.ค. 2563 เป็นต้นมา ทางสโตร์ฮับของเราก็หาแนวทางช่วยเหลือลูกค้าสโตร์ฮับและผู้ประกอบการร้านอาหารรายอื่น ๆ ทันที เพราะเป้าหมายหนึ่งเดียวในยามคับขันของเราตอนนี้ ก็คือ #Saveร้าน #สู้ภัยCOVID-19
ให้ร้านอาหารของคุณไปต่อได้ด้วย Beep Delivery บริการ Food Delivery จากเรา
ตอนนี้ทางสโตร์ฮับของเราได้ประสานงานกับบริษัทขนส่ง (Logistics) ในไทยอย่าง Lalamove และ Skootar รวมถึงบริการการจ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่าง 2P2C (Payment Gateway บริการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเดบิตและบัตรเครดิต) พร้อมกับ LINE Pay เพื่อจับมือช่วยกันขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารของลูกค้าสโตร์ฮับและผู้ประกอบการร้านอาหารในไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นี้ไปได้ด้วยฟู้ด เดลิเวอรี (Food Delivery) ให้ร้านอาหารเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นด้วยบริการสั่งอาหารออนไลน์
เราเรียกบริการใหม่ของสโตร์ฮับตัวนี้ว่า Beep Delivery
Beep Delivery คือ ฟีเจอร์ใหม่ในระบบจัดการร้าน POS ของสโตร์ฮับ ที่จะช่วยให้ชาวไทยของเราสั่งอาหารจากร้านโปรด คาเฟ่ในดวงใจ หรือร้านเครื่องดื่มเจ้าประจำได้ง่ายขึ้นในช่วงล็อคดาวน์วิกฤตไวรัสโคโรน่า (COVID-19) และเคอร์ฟิวนี้
และฟีเจอร์นี้เองที่จะช่วยให้ร้านอาหารกับร้านเครื่องดื่มของคุณยังเดินหน้าต่อไปได้ เพราะ Beep Delivery จะช่วยให้ชาวไทยของเราทานอาหารร้านโปรด คาเฟ่ดัง และร้านเครื่องดื่มในดวงใจได้โดยไม่ต้องเสี่ยงออกบ้าน
ทีมงานสโตร์ฮับของเราได้ปล่อย Beep Delivery ไปแล้วในมาเลเซีย และก็ได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ประกอบการร้านอาหารในมาเลเซีย และนี้ทีมงานของเราก็ทำงานอย่างหนัก ซึ่งข่าวดี ณ ตอนนี้ก็คือ ผู้ประกอบการร้านอาหารในไทยสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ Beep Delivery ของเราได้แล้ว !
หลักการทำงานของ Beep Delivery ฟีเจอร์ใหม่ของ StoreHub
Beep Delivery คือ บริการสั่งอาหารออนไลน์ หรือ Food Delivery ที่คุณและลูกค้าของคุณจะต้องตกหลุมรัก ! เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณมีร้านให้ลูกค้าสั่งอาหารออนไลน์เป็นของคุณเองโดยไม่ต้องอิงจากมาร์เกตเพลสหรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ
ซึ่งหลักการทำงานของ Beep Delivery ก็คือ . . .
เมื่อเจ้าของร้านอาหารและร้านเครื่องดื่มลงทะเบียนใช้งาน Beep Delivery ทางเราก็จะมีลิ้งค์เว็บไซต์ของร้านนั้น ๆ ให้ เพื่อที่ทางร้านจะได้อัพเดตลูกค้า
และขั้นตอนในการสั่งอาหารและเครื่องดื่มของลูกค้าก็คือ
- ลูกค้าคลิกที่ลิ้งค์ร้านอาหารหรือร้านเครื่องดื่มของคุณ
- เลือก “self-pickup (รับที่ร้าน)” หรือ “delivery (จัดส่ง)”
- เลือกเมนูอาหารและเครื่องดื่ม และกดสั่ง
- ใส่ที่อยู่ในการจัดส่งและรายละเอียดต่าง ๆ
- จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต, เดบิต, LINE Pay หรือ e-wallet ต่าง ๆ
- ลูกค้ารับอาหาร จากนั้นก็ทานได้เลย !