ตอนนี้เราจะสังเกตได้ว่าที่กรุงเทพและจังหวัดอื่น ๆ เริ่มมีการล็อคดาวน์พร้อมมาตรการการป้องกันแพร่ระบาดที่เข้มงวดกันมากขึ้น อย่างกรุงเทพที่ก่อนหน้านี้ประกาศปิดพื้นที่เสี่ยงเพียง 22 วัน คือจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 12 เมษายน 2563 ตอนนี้ได้ขยายเวลาปิดพื้นที่เสี่ยงไปจนถึง 30 เมษายนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเหตุผลก็คือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในไทยของเรายังคงเพิ่มไม่หยุด และการขยายเวลาล็อคดาวน์ พร้อมขอความร่วมมือให้เราชาวไทยอยู่บ้าน น่าจะเป็นทางออกที่ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Coronavirus) นี้ได้ดีที่สุด
แน่นอนว่าในช่วงนี้ร้านค้าในห้างและสถานที่ให้บริการต่าง ๆ จำเป็นต้องปิด ยกเว้นร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภค หรือสินค้าจำเป็นเท่านั้น
ซึ่งเมื่อกรุงเทพมีประกาศคำสั่งอย่างชัดเจนแล้ว จังหวัดอื่น ๆ
เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา และร้านที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ในส่วนของร้านอาหารก็ไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้ ทำได้แค่ซื้อกลับบ้านเท่านั้น
ทั้งนี้ในส่วนของต่างจังหวัดอย่างเพชรบูรณ์และอุดรก็มีคำสั่งออกมาให้ 7-11 เปิด-ปิดเป็นเวลาจากเดิมที่เปิด 24 ชั่วโมง คือ
- เพชรบูรณ์ ประกาศให้เซเว่นเปิด 05:00 – 24:00 น. ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม – 12 เมษายน 2563
- อุดรฯ มีคำสั่งออกมาเมื่อวันที่ 26 ให้ 7-11 เปิด 05:00 – 22:00 น. จนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลาย
แล้วร้านค้าปลีกประเภทไหนที่ยังเปิดให้บริการหรือขายสินค้าได้ในช่วงล็อคดาวน์นี้ ?
สำหรับร้านที่นยังเปิดหน้าร้านได้ตามปกติและห้ามเปิดในช่วงปิดพื้นที่เสี่ยงนี้หรือล็อคดาวน์นี้ก็คือ
ร้านที่เปิดให้บริการได้:
- ร้านที่ขายสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต
- ซุปเปอร์มาร์เก็ต
- ร้านสะดวกซื้อ
- ร้านขายสินค้าจิปาถะ
- ร้านโชห่วย ขายของชำ
- ร้านขายยา
ร้านที่ต้องปิดให้บริการ:
- ร้านที่ขายสินค้าฟุ่มเฟือย หรือสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น, ร้านจิวเวลรี่, ร้านขายเครื่องประดับ, ร้านขายรองเท้ากีฬา และร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากคุณมีมีแค่หน้าร้าน ตอนนี้ก็ถึงเวลาหันมาขายสินค้าออนไลน์แล้ว
ลองใช้ระบบจัดการร้านที่เปิดโอกาสให้คุณมีร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองง่าย ๆ อย่าง StoreHub Ecommerce ที่ให้คุณขายออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย และคุณก็สามารถเชื่อมต่อข้อมูลสต๊อกสินค้าหน้าร้านและบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้ผ่านระบบหลังบ้าน (BackOffice) ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ
ร้านอาหารยังเปิดอยู่มั้ย แล้วร้านอาหารแบบไหนที่เปิดในช่วงล็อคดาวน์นี้บ้าง ?
สำหรับร้านอาหารที่ยังเปิดให้บริการได้ และข้อควรปฏิบัติ เราได้รวบรวมมาให้ดังนี้ :-
ร้านอาหารสามารถให้บริการ:
- สั่งอาหารออนไลน์ หรือ ฟู้ด เดลิเวอรี (Food Delivery)
- หิ้วกลับบ้าน หรือซื้อไปทานที่บ้าน
สิ่งต้องห้ามสำหรับร้านอาหาร:
- ห้ามนั่งทานที่ร้าน
จากคำสั่งล็อคดาวน์และปิดพื้นที่เสี่ยงนี้จะเห็นได้ว่า ร้านอาหารขนาดเล็กไปถึงใหญ่ล้วนได้รับผลกระทบไปตามกัน ทั้งร้านอาหารตามสั่ง, ร้านก๋วยเตี๋ยว, คาเฟ่, ร้านกาแฟ, ร้านชาไข่มุก, ร้านเครื่องดื่ม, ร้านอาหารจานด่วนหรือฟาสต์ ฟู้ด, ร้านอาหารในโรงแรม และร้านอาหารประเภทอื่น ๆ อีกมากมาย
ทั้งนี้หากสั่งเกตดี ๆ จะเห็นว่าโอกาสในการสร้างรายได้ของร้านอาหารไม่ได้โดนตัดไป 100% เพราะยังขายให้กับลูกค้าที่ซื้ออาหารกลับบ้านและลูกค้าที่สั่งอาหารออนไลน์ได้อยู่ เพราะฉะนั้นหากคุณยังไม่มีบริการ Food Delivery ก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปรับกลยุทธ์การขายใหม่
เคล็ดลับ: ลองใช้บริการ Food Delivery ที่มีค่าดำเนินการหรือค่าคอมมิชชั่นน้อย ๆ เพื่อให้คุณมีเงินเหลือไปบริหารจัดการร้านอาหารส่วนอื่น ๆ ดังนั้นเจ้าของร้านอาหารเช่นคุณควรเปรียบเทียบค่าดำเนินการแต่ละเจ้าให้ดีก่อนใช้บริการ Food Delivery จะได้สบายใจทั้งคนขาย และสบายกระเป๋าลูกค้าร้านอาหารคุณด้วย