เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังคงไม่หยุดนิ่ง ก็ทำให้กรุงเทพ เขตปริมณฑล และต่างจังหวัดต่างออกมาตรการคุมเข้มเพื่อยับยั้งไวรัสร้ายนี้ ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจแต่ละประเภทได้รับผลกระทบไปตามกัน และร้านอาหารก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรง บางร้านยอดขายตกฮวบจนน่าใจหาย บางร้านพอขายได้บ้าง ส่วนบางร้านก็ขายไม่ได้เลย
ดังนั้น Food Delivery จึงถือเป็นฮีโร่ตัวจริงและเป็นทางรอดหนึ่งเดียวที่ร้านอาหารมีในช่วงวิกฤต COVID-19 นี้ แต่รู้ไหมว่าในทางรอดที่มีและดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความหวังนี้ ร้านอาหารต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ลูกค้าหลายคนอาจไม่รู้ ?
นั่นก็คือ ค่าดำเนินการที่ร้านอาหารจะต้องจ่ายให้กับแอพส่งอาหาร
เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจึงจะพามาทำความรู้จักค่าดำเนินการ เปรียบเทียบค่าคอมมิชชั่นแอพสั่งอาหารแต่ละเจ้า ทางรอดที่แท้จริงของร้านอาหาร และสิ่งที่ลูกค้าช่วยซัพพอร์ตร้านอาหารในดวงใจได้
ค่าดำเนินการ Food Delivery คืออะไร ? ทำไมร้านอาหารต้องจ่าย ?
หลายคนรู้จักค่าดำเนินการ Food Delivery ในชื่อของค่า GP (Gross Profit) คือ ค่าคอมมิชชั่นที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับแอพสั่งอาหาร และนับเป็นค่าดำเนินการที่ทางแพลตฟอร์มเรียกเก็บ ซึ่งแต่ละเจ้าก็จะแตกต่างกันออกไป และหากร้านอาหารร้านนั้น ๆ พอจะเป็นที่รู้จักหรือมีชื่อเสียงหน่อย เรตค่าดำเนินการก็อาจจะไม่สูงมาก แต่ส่วนมากแล้ว ร้านอาหารทั่วไปจะต้องจ่ายค่าดำเนินการให้กับแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์อยู่ที่ประมาณ 30 – 35% ทั้งนี้ร้านอาหารแต่ละร้านจะมีวิธีจัดการค่าคอมมิชชั่นที่ต่างกัน ซึ่งบางร้านอาจจะแบกค่าดำเนินการนี้ไว้เอง ส่วนบางร้านก็จะบวกไว้จากราคาอาหารและเครื่องดื่มหน้าร้านแทน
ค่าดำเนินการ Food Delivery 35% ทำร้ายร้านอาหารยังไง ?
ค่าดำเนินการที่ร้านอาหารต้องจ่าย 30 – 35% ให้กับแอพสั่งอาหารหรือเว็บไซต์เดลิเวอรี่ ถือว่าเยอะพอสมควรเลยใช่ไหม ? ถ้ายังไม่เห็นภาพ ลองดูตารางด้านล่างกัน
ตารางแสดงร้านอาหารที่มีรายรับ 300,000 บาท/เดือน และต้องจ่ายค่าดำเนินการ 35%:
| ยอดขายจาก Food Delivery | ต้องแบ่งจ่ายค่าดำเนินการแพลตฟอร์ม/แอพส่งอาหาร 35% | รายรับร้านอาหาร | |
| 1 ออร์เดอร์ | 100 บาท | 35 บาท | 65 บาท |
| ออร์เดอร์ทั้งหมดใน 1 วัน | 10,000 บาท | 3,500 บาท | 6,500 บาท |
| ออร์เดอร์ทั้งหมดใน 1 เดือน | 300,000 บาท | 105,000 บาท | 195,000 บาท |
จะเห็นว่ายอดที่ร้านอาหารต้องจ่ายให้กับพาร์ทเนอร์ส่งอาหาร หรือแพลตพฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์นั้นค่อนข้างเยอะ
ยิ่งเป็นช่วงโควิด-19 ที่ร้านอาหารแทบจะไม่มีรายได้แล้ว ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร SMEs เจ็บตัวกันมากขึ้นไปอีกกับค่าดำเนินการนี้ เพราะแทนที่จะจ่ายค่าคอมมิชชั่น 35% ที่คิดเป็นเงิน 105,000 บาทให้กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ร้านอาหารน่าจะได้ใช้เงินส่วนนี้ในการบริหารจัดการในส่วนอื่น ๆ เช่น
- ค่าเช่า
- ค่าน้ำ ค่าไฟ
- จ่ายซัพพลายเออร์ส่งสินค้า
- จ่ายเงินพนักงาน
ดังนั้นหากดูเผิน ๆ แค่ 1 ออร์เดอร์แล้ว ค่าดำเนินการ 35% อาจจะดูเล็กน้อย
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ เมื่อคิดเป็นรายเดือนแล้วก็ถือว่าเยอะมาก ๆ ซึ่งสิ่งนี้เองที่แอบทำร้ายเจ้าของร้านอาหารรายย่อยโดยไม่รู้ตัว เราเชื่อว่าเจ้าของร้านอาหารเช่นคุณน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี
แล้วอย่างนี้ร้านอาหารมีทางเลือก Food Delivery อะไรบ้าง ?
สโตร์ฮับของเรารู้ดีว่าร้านอาหารรายน้อยใหญ่ต่างก็ได้รับผลกระทบในช่วง COVID-19 ทำให้ทีมงานของเราเร่งพัฒนาฟีเจอร์ Beep Delivery ฟีเจอร์ Food Delivery ออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อ #Saveร้าน และช่วยให้ร้านอาหารยกความอร่อยมาเสิร์ฟบนโลกออนไลน์ เพราะร้านที่สมัครใช้งาน Beep Delivery กับสโตร์ฮับจะได้รับ QR Code หรือลิงค์ร้านอาหารออนไลน์เป็นของตัวเอง เช่น kinaroi.beepit.com และ yumsalad.beepit.com เป็นต้น ให้ร้านอาหารโปรโมทร้านอาหารออนไลน์กับลูกค้าได้ง่าย ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย (Facebook, IG และ LINE) ของร้าน
และเพื่อช่วยให้ร้านอาหารพยุงยอดขายพร้อมขับเคลื่อนผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นี้ไปได้อย่างแท้จริง ค่าบริการของ Beep Delivery จึงเริ่มต้นที่ 2,500 บาทต่อเดือนเท่านั้น ให้คุณจัดการร้านและส่งอาหารถึงมือลูกค้าได้ง่าย ๆ
นอกจากค่าดำเนินการที่เป็นกันเองแล้ว Beep Delivery ฟีเจอร์สั่งอาหารออนไลน์ของเรายังให้บริการส่งอาหารเดลิเวอรี่ถึงหน้าบ้านลูกค้าด้วยพาร์ทเนอร์มืออาชีพอย่าง Lalamove และ Skootar ซึ่งพาร์ทเนอร์ของเราใส่ใจในเรื่องของสุขอนามัยและมีมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อ COVID-19 สำหรับพนักงานส่งอาหารอย่างรัดกุม
ในส่วนของการจ่ายเงิน Beep Delivery ก็รองรับทั้งการจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต เดบิต และ LINE Pay
ทำไมไม่ใช้แอพฟรีบางเจ้าไปเลย ทำไมต้องเลือก Beep Delivery?
สำหรับใครที่สงสัยว่า Beep Delivery ดีกว่าแอพฟรีบางเจ้ายังไง ในส่วนนี้เราก็มีตารางเปรียบเทียบฟีเจอร์มาให้ดูกันเต็ม ๆ ดังนี้ :-
| แอพฟรีบางเจ้า | Beep Delivery | |
| เพิ่มรูปอาหาร | ❌ | ✅ |
| ใส่ราคาอาหาร | ❌ | ✅ |
|
มีลิงค์ของร้านให้ โปรโมท Delivery โดยตรง | ❌ | ✅ |
| CRM, ระบบสมาชิก | ❌ | ✅ |
| เช็คสต๊อก, ติดตามวัตถุดิบ | ❌ | ✅ |
| Optimise ร้าน ใส่ข้อมูลเมนูต่าง ๆ | ❌ | ✅ |
นอกจากนี้ Beep Delivery ของเรายังมีฟีเจอร์ให้สร้างโปรโมชั่นร้านอาหารและฟีเจอร์บริหารจัดการร้านอีกมากมาย ที่จะทำให้บริการเดลิเวอรี่ส่งอาหารของคุณลงตัวยิ่งขึ้น ทั้งยังมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา ! คุณจึงอุ่นใจตลอดการใช้งาน Beep Delivery กับเรา
ลูกค้าจะช่วยเหลือร้านอาหารในดวงใจช่วง COVID-19 นี้ได้ยังไง ?
จริง ๆ แล้วเจ้าของร้านอาหารไม่ได้อยากคิดเงินค่าสั่งอาหารออนไลน์แพง ๆ หรือเพิ่มราคาเมนูอาหารบนแอพเดลิเวอรี่ต่าง ๆ แต่เพราะค่าดำเนินการที่สูงลิ่ว เลยทำให้ร้านอาหารต้องทำเพื่อให้ร้านยังคงดำเนินต่อไปได้
ดังนั้นเมื่อมีทางเลือก Food Delivery ของสโตร์ฮับที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสั่งอาหารจากร้านในดวงใจ หรือว่าสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่สุดโปรดได้โดยตรงแล้ว ลูกค้าสามารถช่วย #Saveร้าน เหล่านี้ได้ง่ายขึ้น เพราะค่าดำเนินการแสนถูกของ Beep Delivery จะช่วยให้ร้านอาหารมีรายได้และมีเงินเหลือไปบริหารจัดการร้านให้ไปต่อได้แม้ในยามยากลำบากนี้
สนใจใช้งาน Beep Delivery? กรอกรายละเอียดที่ลิงค์ด้านล่างไว้เลย แล้วทีมงานของเราจะรีบติดต่อกลับไปทันที !
มาช่วยกันพยุงร้านอาหารของคุณให้ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 นี้ไปให้ได้นะคะ แล้วคุณจะไม่ต้องเซ็ตราคาเมนูอาหารแพง ๆ ให้ลูกค้าต้องหนักใจ แถมยังมีเงินเหลือไว้ใช้ในส่วนอื่นของร้านอีก นั่นก็เพราะ . . . เราพัฒนา Beep Delivery ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือร้านอาหารอย่างแท้จริง
สู้ ๆ ค่ะ เราจะ #Saveร้าน #สู้ภัยโควิด และ #เราจะก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน !
อย่าปล่อยให้ลูกค้าของคุณหิว !
เข้าถึงลูกค้าของคุณได้ง่าย ๆ กับบริการ
สั่งอาหารออนไลน์ Beep Delivery จากสโตร์ฮับ
