เปิดร้านค้าออนไลน์ หรือเปิดให้บริการ สั่งอาหารออนไลน์ Food Delivery กันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย ?
ถ้าใช่ ตอนนี้ก็ถึงเวลาทำยอดขายกันแล้ว
แต่ว่าคุณจะทำให้ร้านของคุณเป็นที่รู้จักได้โดยไม่ต้องเสียเงินเยอะ ๆ ยังไง ?
บอกเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ! เพราะวันนี้เรามี 3 วิธีโปรโมทร้านสุดประหยัด ทั้งยังคุ้มค่า และได้ผลจริง รับรองว่าคราวนี้ร้านค้าออนไลน์และบริการ Food Delivery ของร้านคุณจะเป็นที่รู้จักและอยู่ในสายตาของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายแน่นอน ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลย
1. มีความเคลื่อนไหวบน Social Media และ Google
ฟังดูเหมือนจะง่ายใช่ไหมล่ะ ? แต่เท่าที่สั่งเกตแล้ว เราไม่ค่อยเห็นร้านค้ากับร้านอาหารขนาดเล็กให้ความสำคัญกับเรื่องความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียและกูเกิ้ลเท่าไหร่
ทำไมไม่ลองหันมาสร้างโอกาสในการขายทางนี้บ้างล่ะ ?
เพราะจริง ๆ แล้วร้านค้าและร้านอาหารของคุณสามารถเพิ่มยอดขายผ่านการเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ได้ แล้วคนไทยเราก็ใช้เวลาบนอินเตอร์เน็ตมากถึงวันละ 9 ชั่วโมงและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับ Social Media
เพราะฉะนั้นก็ถึงเวลาที่คุณจะวางแผนกลยุทธ์เพื่อโปรโมทร้านและเริ่มโพสต์ตามแพลตฟอร์มเหล่านี้แล้ว :-
- เพจเฟสบุ๊ค (Facebook Page)
- ไอจี/อินสตาแกรม (Instagram)
- ไอจี สตอรี่ (Instagram Story)
- กลุ่มเฟสบุ๊ค (Facebook Group)
- ทวิตเตอร์ (Twitter)
- Google My business
ไม่รู้ว่าจะโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดียของร้านคุณ ? ไม่ต้องห่วง เพราะคุณสามารถโพสต์คอนเทนต์แนว ๆ นี้ได้
- วิดีโอสาธิตการใช้งานสินค้า – โชว์ลูกค้าว่าสินค้าของคุณใช้ยังไง หรือใช้แบบไหนได้บ้าง
- วิดีโอ Behind-the-scene – โชว์เบื้องหลังการทำงานให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นว่าร้านคุณใส่ใจและพยายามอย่างหนักเพื่อให้พวกเขาได้สินค้าและบริหารที่ดีที่สุด อาจจะเป็นคลิปการทำงานของทีมงานในร้านแต่ละวัน หรือขั้นตอนการทำ/เลือกวัตถุดิบอาหารแต่ละเมนู เพื่อสร้างคอนเน็คชั่น (Connection) กับลูกค้าของคุณ
- Social Proof – แคปหน้าจอหรือแชร์ภาพที่ลูกค้าพูดถึงคุณ
ในส่วนของ Google นั้น ถือเป็นโปรแกรมค้นหา (Search Engine) สุดโปรดของทุกคนอยู่แล้ว เพราะไม่ว่าจะหาข้อมูลเรื่องช้อปปิ้ง กินข้าว ดูหนัง หาหมอ ดิกออนไลน์ หรือว่าเรื่องไหน ๆ ก็ต้องถาม Google เป็นที่แรกอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ?
คุณรู้มั้ยว่า . . .
บัญชี Google My Business ของคุณสามารถแสดงผลได้มากกว่า 1,000 ครั้งต่อเดือน ?!
แล้วคุณก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อโฆษณาเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาดูโปรไฟล์ร้านบน Google My Business ของคุณอีกด้วย
ที่สำคัญ 5% ของจำนวนผู้เข้าชมทั้งหมดยังคลิกเว็บไซต์ร้าน กดโทร และเรียกเส้นทางไปยังร้านด้วย
ซึ่งหมายความว่าคุณมีโอกาสสร้างยอดขายจาก Google My Business มากกว่าครึ่ง !
ดังนั้นทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากบัญชี Google My Business และอัพเดตข้อมูลธุรกิจของร้านคุณให้พร้อมล่ะ ?
ลองโพสต์เนื้อหาบน Google My Business และใส่ข้อมูลดังต่อไปนี้ :-
- ภาพหรือวิดีโอที่น่าสนใจ – เกี่ยวกับสินค้าหรือเมนูสั่งอาหารออนไลน์ Food Delivery ของร้าน
- ข้อมูลสำคัญ – ใส่ข้อมูลต่าง ๆ ของร้านออนไลน์และร้านอาหารของคุณให้ครบ อย่าลืมมีสินค้าแนะนำหรือเมนูน่าลองให้ลูกค้าได้พิจารณากันด้วย
- ลิ้งค์ – ลิ้งค์ไปยังหน้าร้านค้าออนไลน์ หรือลิ้งค์สำหรับสั่งอาหารออนไลน์ Food Delivery สำหรับร้านคุณ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมร้านของคุณบน Google My Business กดเข้าไปดูได้ทันที
ยังไม่มีบัญชี Google My Business สำหรับร้านค้าหรือร้านอาหารของคุณ ? สมัครใช้งานเลยที่นี่ !
ภาพจาก Google My Business
2. ใส่แฮชแท็ก # ที่เกี่ยวข้อง
แฮชแท็ก # ในโพสต์ต่าง ๆ จะช่วยให้คนที่สนใจหัวข้อของคุณเจอโพสต์ของคุณง่ายขึ้น
ดังนั้นแฮชแท็ก # จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์และร้านอาหารของคุณ
- สร้างแบรนด์ – คิดแฮชแท็กเป็นของร้านคุณเอง เช่น #StoreHub #StoreHubEcommerce #StoreHubShares
- ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า – ให้คุณใกล้ชิดกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
- โปรโมทแคมเปญการตลาดออนไลน์ – เพิ่ม Engagement จัดแคมเปญที่น่าสนใจให้กับลูกค้า เช่น กดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเมนต์ เป็นต้น
หากคุณเป็นลูกค้าสโตร์ฮับที่เปิดร้านอาหารอยู่แล้ว ก็แค่เปิดใช้งาน Beep Delivery กับเรา และนี่ก็คือแฮชแท็กที่เราแนะนำให้ใส่ในโซเชียลมีเดียสำหรับร้านคุณที่เปิดใช้งานเมื่อเปิดใช้งาน Beep Delivery กับเรา:
#BeepDelivery #SaveOurStores #FoodDeliveryTH #Saveร้าน #SaveSMEs #StoreHub #สโตร์ฮับ #Saveร้านอาหาร
ยังไม่แน่ใจว่าต้องใช้แฮชแท็กไหน ?
ลองใช้ Hashtag Geenerator หรือดูตามไอจีและโซเชียลมีเดียที่คนดัง ๆ กับคู่แข่งของคุณใช้ได้เลย
ส่วนจำนวนแฮชแท็ก # ที่ดีที่สุดของ Social Media แต่ละแพลตฟอร์ม ก็คือ
- Facebook – ใส่ได้สูงสุด 4 แฮชแท็ก
- Instagram – ใส่ได้สูงสุด 30 แฮชแท็ก
- Twitter – ใส่ได้สูงสุด 4 แฮชแท็ก
ภาพจาก Pixabay
3. ส่ง SMS, LINE และอีเมลหาลูกค้าของคุณ
SMS
สำหรับใครที่มองว่าการส่ง SMS เป็นวิธีคร่ำครึ แต่ใครจะรู้ว่าบางทีวิธีที่แสนจะโบราณและใครหลายคนมองอาจจะได้ผลดีกว่าวิธีอื่น ๆ ก็ได้
ลองส่ง SMS ไปบอกลูกค้าของคุณให้พวกเขารู้ว่าคุณมีหน้าร้านออนไลน์แล้ว หรืออัพเดตพวกเขาให้รู้ว่าสามารถสั่งอาหารออนไลน์หรือใช้บริการ Food Delivery ของร้านอาหารคุณได้แล้ว เช่น ถ้าเกิดคุณเปิดใช้งาน Beep Delivery ก็ให้รีบบอกทันทีเพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าและร้านของคุณเอง
และถ้าคุณมีระบบข้อมูลลูกค้าอยู่แล้ว ก็ใช้เครื่องมือนี้ส่ง SMS แจ้งข้อมูลข่าวสารกับลูกค้าของคุณได้เลย เพราะวิธีนี้รวดเร็วและช่วยคุณประหยัดเวลาได้มากเลยล่ะ
อย่างถ้าคุณใช้ระบบ POS ของสโตร์ฮับก็สามารถส่ง SMS ไปหาลูกค้าผ่านระบบหลังบ้าน (BackOffice) ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในการส่ง SMS ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนคำเช่นกัน ซึ่งก็คือ
- ภาษาอังกฤษ – จำกัดที่ 160 ตัวอักษร
- ภาษาไทยและอื่น ๆ – จำกัดที่ 70 ตัวอักษร
เพราะฉะนั้นข้อความใน SMS ของคุณควรสั้น กระชับ และได้ใจความ และเทคนิคนี้ก็ใช้ได้กับทั้งลูกค้าและเพื่อของคุณเลยล่ะ
คราวนี้ก็ได้เวลาบอกต่อเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับร้านค้าออนไลน์และบริการ Food Delivery ของร้านคุณแล้ว ส่งต่อ SMS เพื่อโปรโมทร้านคุณและขอให้พวกเขาสนับสนุนหรือใช้บริการได้เลย !
LINE
LINE หรือ ไลน์ คืออีกวิธีโปรโมทร้านค้าออนไลน์และ Food Delivery ของร้านอาหารคุณได้ดีที่สุด เพราะในไทยมีผู้ใช้งาน LINE มากถึง 44 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 69 ล้านคน และคุณก็ส่งข้อความหาลูกค้าแบบเป็นกันเองและเป็นส่วนตัวได้ง่าย ๆ
ส่วนข้อควรคำนึงในการส่งข้อความหาลูกค้าก็คือ
- เรียกความสนใจลูกค้าด้วยคำถามหรือข้อความโดน ๆ – เพราะใคร ๆ ก็อยากอ่านข้อความที่มีสีสันและเต็มไปด้วยอรรถรส
- ใช้อีโมจิ – ใส่อีโมจิเพื่อทำให้บทสนทนาของคุณเป็นกันเองมากขึ้น
- ใส่ลิ้งค์ร้าน – ใส่ลิ้งค์ร้าน และช่องทางการติดต่อต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้ากดไปดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง
อีเมล
อีเมล คือ วิธีโปรโมทร้านและช่องทางทำการตลาดชั้นเยี่ยม เพราะฉะนั้นหากคิดจะโปรโมทร้าน ก็ส่งอีเมลหาลูกค้าได้เลย ซึ่งรายละเอียดสำคัญที่ควรมีในอีเมลก็คือ
- ชื่อผู้ส่ง – เพื่อให้ลูกค้ารู้ว่าอีเมลมาจากใคร
- ชื่อเรื่อง – หัวข้อหรือชื่อเรื่องควรยาวไม่เกิน 30 ตัวอักษร เขียนข้อความแบบเป็นส่วนตัวและเป็นกันเอง เช่น คุณ <ชื่อ> คุณสั่งข้าวกระเพราหมูเมนูโปรดของคุณออนไลน์ได้แล้ววันนี้ !
- เขียนเหมือนตอนพูด – การส่งอีเมลก็คือการคุยกับลูกค้าผ่านตัวอักษร ดังนั้นเขียนให้เป็นภาษาพูดของคุณเอง
เคล็ดลับ:
- ส่งข้อความเพื่อแจ้งข่าวหรือประกาศ 1 ครั้ง
- ส่งข้อความแจ้งเตือน 3 ครั้ง – เว้นระยะส่งอีเมลแต่ละฉบับ 1 วัน เช่น วันที่ 1 ส่งอีเมลแจ้งเตือน >>> วันที่ 2 พัก >>> วันที่ 3 ส่งอีเมลไปอีกครั้ง >>> วันที่ 4 พัก >>> วันที่ 5 ส่งอีเมลแจ้งเตือนไปอีก
- ส่งอีเมลให้ถูกช่วงเวลา – เช่น ถ้าเป็นอีเมลเตือนโปรโมชั่นเซ็ตอาหารกลางวัน ก็ให้ส่งไปก่อนมื้อเที่ยงหน่อย ๆ หรือถ้าเป็นดีลเด็ดร้านค้าออนไลน์ช่วงปีใหม่ ก็ให้ส่งไปก่อนปีใหม่สัก 3 – 5 วัน
เราหวังว่าเทคนิคทั้ง 3 ข้อนี้จะช่วยให้ร้านค้าออนไลน์และ Food Delivery ร้านอาหารของคุณมีลูกค้าเข้าไปเยี่ยมชมใช้บริการมากขึ้นและเพิ่มยอดขายให้กับร้านของคุณได้หลายเท่าตัว
แสดงความคิดเห็นด้านล่างเพื่อแชร์เคล็ดลับดี ๆ กับเรา
แล้วเราจะขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างสง่างามไปด้วยกันค่ะ !