พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีการประกาศผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา หลัง ศบค. – ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีมติให้เปิดบางสถานที่และบางกิจกรรม ซึ่งก็มีกว่า 13 สถานที่และกิจกรรมเปิดให้บริการหลังคลายล็อคดาวน์ และร้านอาหารก็เป็นหนึ่งในนั้น
คลายล็อคดาวน์ กทม. หมายถึงอะไร และร้านอาหารต้องมีมาตรการยังไง ?
เมื่อมีการประกาศคลายล็อคดาวน์ในกรุงเทพ ก็หมายความว่า ร้านอาหารสามารถกลับมาเปิดหน้าร้านได้อีกครั้ง !
แต่เราก็แน่ใจว่า ไม่ใช่ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือว่าร้านเครื่องดื่มทั้งหมดที่พร้อมเปิดในช่วงเวลานี้
เพราะแม้จะมีการปลดล็อคดาวน์ในเขต กทม. แต่ร้านอาหารก็ต้องมีมาตรการเคร่งครัดเพื่อป้องกันไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ไม่ให้กลับมาแพร่ระบาดหนักอีกครั้ง ซึ่งได้แก่
- ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานและลูกค้าทุกคน สำหรับร้านอาหารที่มีพื้นที่กว่า 200 ตารางเมตร
- มีการคัดกรอง อาการป่วย ไข้ ไอ จาม หรือเป็นหวัดพนักงานและผู้ใช้บริการทุกคนตามขีดความสามารถ สำหรับร้านที่มีพื้นที่น้อยกว่า 200 ตารางเมตร
- เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลหรือที่นั่งในร้านอาหารอย่างน้อย 1.5 เมตร หรือหากระยะห่างระหว่างที่นั่งหรือบุคคลน้อยว่า 1.5 เมตร ควรมีฉากกั้นและต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร
- งดอาหารประเภทบุฟเฟต์ ที่ลูกค้าต้องตักหรือหยิบเอง แต่ให้บริการบุฟเฟต์ที่ลูกค้าสั่งจากรายการอาหารได้
- ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่ขายสุรา สามารถเปิดได้แต่ห้ามดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
- ห้ามมีการแสดงสดหรือเล่นดนตรี
- ร้านควรมีฉากแผ่นใสกั้นระหว่างลูกค้าและอาหาร
- มีจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลไม่ต่ำกว่า 70% หรือมีน้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ทางเข้า-ออก รวมถึงบริเวณต่าง ๆ ภายในร้าน
- ทำความสะอาดห้องน้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง ถ้าไม่สามารถทำความสะอาดได้ ควรงดให้บริการห้องน้ำ
- ทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (น้ำยาฟอกขาว) 0.1% ทุกครั้งเมื่อใช้บริการเสร็จ
- เว้นระยะอย่างน้อย 1 เมตรสำหรับการต่อแถวซื้ออาหารและรอเข้าร้าน (ข้อนี้สามารถใช้ได้กับการต่อแถวจ่ายเงินได้เช่นกัน)
- พนักงานในร้านต้องแต่งกายให้สะอาด สวมถุงมือ ใส่หมวก รวบผม สวมผ้ากันเปื้อน และใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า
นอกจากนี้ยังมีมาตรการสำหรับร้านอาหารอีกมากมายที่นี่ ซึ่งร้านอาหารต้องให้ความสำคัญทุกข้อเพื่อวามปลอดภัยของพนักงานในร้านและลูกค้า
ข้อแนะนำสำหรับเจ้าของร้านอาหารมีอะไรบ้าง ?
ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทาง กทม. กำหนดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 นั้น มีข้อแนะนำสำหรับเจ้าของร้านอาหาร ดังนี้ :-
- ควรมีระบบจองคิวออนไลน์สำหรับร้านค้าขนาดใหญ่ และมีการจองคิวหน้าร้านพร้อมกำหนดเวลาให้ลูกค้าเข้าบริการอย่างชัดเจน
- แนะนำให้แจกบัตรคิวลูกค้าและให้ลูกค้ากลับมาทานอาหาร สำหรับร้านอาหารขนาดเล็กขนาดคูหาหรือร้านแคบ ทั้งหน้าร้านและภายในร้านจะได้ไม่แออัด
- โปรโมทให้ลูกค้าจ่ายเงินผ่าน QR Code หรือโอนเงินออนไลน์ เพื่อเลี่ยงการสัมผัสเงินสดอย่างธนบัตรหรือเหรียญ
- เครื่องปรุงรสในร้านควรเป็นแบบซอง
- มีสัญลักษณ์จุดยืนให้ลูกค้าและมีพนักงานคอยควบคุม จัดคิวให้มีระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อทางเท้าหรือสถานที่ใกล้เคียง
ซึ่งคำแนะนำเหล่านี้จะกลายเป็น “New Normal” สิ่งปกติแบบใหม่ในยุค COVID-19 สำหรับร้านอาหาร
เปิดร้านอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless F&B Business) ในยุค New Normal
แม้จะมีมาตรการคลายล็อคดาวน์ในกรุงเทพและอนุญาตให้ร้านอาหารกลับมาเปิดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าลูกค้าทุกคนจะรู้สึกอุ่นใจและอยากออกมาเผชิญกลุ่มคนเหมือนแต่ก่อน
ยิ่งเป็นการสัมผัสสิ่งของที่คนอื่นหยิบจับมาก่อนหน้า ก็ยิ่งจะจิตตกและหลอนกันไปอีก
ดังนั้นสิ่งที่จะตอบโจทย์ร้านอาหารกับลูกค้าได้ดีที่สุดก็คือ การเปิดร้านอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless F&B Business)
- การสั่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless Ordering)
- การจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment)
- ส่งอาหารเดลิเวอรี่ (Food Delivery) และให้ลูกค้าซื้ออาหารกลับบ้านแทนการทานอาหารที่ร้าน
- เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและที่นั่ง (Social Distancing)
ดังนั้นทั้งสองอย่างต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่ร้านอาหารควรมีเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าในยุค “New Normal” หลัง COVID-19
- การสั่งอาหารและการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless payment and ordering) สำหรับลูกค้าที่ซื้ออาหารกลับไปทานบ้านและลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน
- Food Delivery บริการสั่งอาหารออนไลน์และส่งตรงถึงบ้านลูกค้า
แล้วทำไมต้องมีสองอย่างนี้ ?
นั่นก็เพราะว่าแม้เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคสโรน่า (COVID-19) ในไทยของเราจะลดลงอย่างน่าพอใจ แต่เราก็ยังวางใจไม่ได้
ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก
และเมื่อร้านอาหารมีบริการ Food Delivery กับการสั่งอาหารพร้อมการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส ร้านอาหารเองก็จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ เพราะไม่ต้องหยิบจับเมนูหรือสัมผัสอะไร แล้วร้านอาหารก็จะได้ใจลูกค้า ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะกลับมาที่ร้านอีกเมื่อรู้สึกปลอดภัย
ทั้ง 2 วิธีนี้จึงจะเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายในช่วง COVID-19 และยุค “New Normal” ช่วยให้ร้านอาหารไปต่อได้ง่ายในช่วงเวลาที่เรากลับสู่โหมดปกติรูปแบบใหม่นี้

การจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) และการสั่งอาหารแบบไร้สัมผัส (Contactless Ordering) สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการสั่งอาหารผ่าน QR Code และระบบจ่ายเงินออนไลน์ที่ทำง่ายผ่านมือถือ
หากจะถามหาข้อดีของการสั่งอาหารและจ่ายเงินผ่าน QR Code ก็ได้แก่
- ลูกค้าและพนักงานเลี่ยงการสัมผัสเมนู บิล และใบเสร็จได้
- เป็นระบบอัตโนมัติที่ติดตามและเก็บข้อมูลลูกค้าได้ง่าย ร้านอาหารจะมีชื่อและเบอร์โทรลูกค้าเพื่อติดต่อและใช้ในการสร้างความภักดีลูกค้าหรือ Loyalty Program ได้
- ตอบรับสังคมไร้เงินสดและการจ่ายเงินแบบไร้สัมผัส
- ลดการสัมผัสระหว่างลูกค้าและพนักงาน
- ลดภาระงาน ไม่ต้องขยับโต๊ะหรือจัดที่นั่งบ่อย ๆ
- รวดเร็วขึ้นและง่ายกว่าเดิม ทั้งขั้นตอนการสั่งอาหารและจ่ายเงิน
แต่เราต้องไม่ลืมที่จะพูดถึง Food Delivery ด้วย จริงไหม ?
เพราะข้อดีของ Food Delivery ก็ช่วยร้านอาหารไปต่อได้และปลอดภัยเ้ช่นกัน ซึ่งก็คือ
- สะดวกสบายต่อลูกค้า สามารถสั่งอาหารออนไลน์ได้จากที่บ้าน
- ลดแรงงานในร้านอาหาร
- ช่วยเสิร์ฟอาหารลูกค้าที่เดินทางมาร้านไม่ได้
ถ้าเรารวมสองอย่างนี้ในร้านอาหารได้ ร้านก็จะดูแลความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานได้พร้อม ๆ กับเพิ่มยอดขายให้ร้านอาหารกับคาเฟ่ได้ง่ายขึ้นด้วย
ลูกค้าจะวางใจร้านอาหารและสัมผัสได้ถึงความใส่ใจพร้อมซัพพอร์ตร้านของคุณในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้อย่างแน่นอน
เปิดใช้งาน Food Delivery เป็นของคุณเองด้วย Beep Delivery จากสโตร์ฮับ

Beep Delivery คือ บริการ Food Delivery ที่ร้านอาหารและลูกค้าจะต้องหลงรัก !
เพราะฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณมีบริการส่งอาหารเดลิเวอรี่เป็นของตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งมาร์เก็ตเพลส Food Delivery รายอื่น
และนี่คือหลักการทำงานของ Beep Delivery…
เมื่อร้านอาหารลงทะเบียนเปิดใช้งาน Beep Delivery ร้านก็จะได้เว็บไซต์ของร้านเอง ซึ่งทางร้านอาหารสามารถส่งลิงค์นี้ไปยังลูกค้าได้เลย
แล้วลูกค้าก็จะเลือกทานอาหารจากร้านคุณผ่านลิงค์ที่ว่านี้ได้เลย เพียงแค่
- เลือกว่าจะให้ “ส่งอาหารเดลิเวอรี่” หรือ “มารับอาหารที่ร้านเอง”
- เลือกดูเมนูที่ต้องการทานและกดสั่ง
- ใส่ที่อยู่ในการส่งอาหารและรายละเอียดต่าง ๆ
- จ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต, LINE Pay หรือ Ewallet
- ลูกค้าได้รับอาหารและทานเมนูโปรดได้เลย !
หรือคุณสามารถดูหลักการทำงานของ Beep Delivery ได้ง่าย ๆ ที่นี่:
ตอนนี้ร้านอาหารของคุณพร้อมสำหรับยุค “New Normal” นี้หรือยัง ?
เราเชื่อว่า “New Normal” จะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นสำหรับร้านอาหารและลูกค้า
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้ผ่านช่วงนี้ไปได้
เพราะขึ้นอยู่กับว่าใครจะปรับตัวให้กับ “New Normal” ได้เร็วแค่ไหน
ดังนั้นจงเตรียมร้านอาหารหรือคาเฟ่ของคุณให้พร้อม เพื่อให้ร้านของคุณพัฒนาอย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด
สุดท้ายนี้ขอให้ร้านอาหารของคุณปรับตัวได้โดยเร็วและดำเนินการไปอย่างราบรื่นนะคะ
ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานแล้ว อย่าลืมดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะ
