8 ทำเลที่ควรเลือก ก่อนเปิดร้านเริ่มธุรกิจให้ปัง

8 ทำเลที่ควรเลือก ก่อนเปิดร้านเริ่มธุรกิจให้ปัง

การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า หรือร้านขายของชำ สิ่งหนึ่งที่มีผลอย่างยิ่งต่อยอดขายและกำไรรวมถึงความอยู่รอดของธุรกิจในระยะยาวก็คือ “ทำเลที่ตั้ง” การเลือก ทำเลเปิดร้าน แบบเฉียบขาดจึงถือว่าเป็นการตัดสินใจสำคัญตั้งแต่ก้าวแรก หลายคนอาจเข้าใจว่าขอแค่มีคนเดินผ่านเยอะก็พอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทำเลค้าขาย ที่ดีต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบ ไม่เช่นนั้นอาจต้องปิดร้านก่อนจะคืนทุนเสียด้วยซ้ำ

บทความนี้เหมาะสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่หรือผู้กำลังมองหาทำเลเปิดร้าน โดยเราจะพาคุณเจาะลึก “เทคนิคการเลือกทำเลทอง” ทั้งในเชิงกลยุทธ์และภาคปฏิบัติ พร้อมตัวอย่างจริงและข้อมูลอัปเดตจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้คุณเลือกทำเลที่ใช้ ขายดีได้จริง

Topic

1. ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มลูกค้าด้วยตนเอง

อย่าไว้วางใจแค่เว็บไซต์หรือคลังข้อมูลออนไลน์ การลงพื้นที่จริงช่วยให้คุณ “อ่าน” ทำเลได้ลึกและแม่นกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการหลายรายเลือกตระเวนขับรถหรือเดินตลาดด้วยตนเอง เพื่อลองดู traffic, พฤติกรรมลูกค้า และการซื้อแบบเรียลไทม์

สิ่งที่ควรทำขณะสำรวจ

  • เช็กข้อมูลประชากรศาสตร์ (เช่น เพศ อายุ อาชีพ รายได้ ไลฟ์สไตล์) ในพื้นที่นั้น ๆ
  • ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่หลายช่วงเวลาของวัน เพื่อเปรียบเทียบคนเดินเข้า-ออก
  • ลองพูดคุยกับผู้ค้ารายอื่นหรือเจ้าของร้านในบริเวณใกล้เคียง
  • บันทึกข้อดี/ข้อเสียของแต่ละทำเล (เช่น คนเดินเยอะแต่ไม่มีที่จอดรถ)

การเข้าใจ Demographics จะช่วยให้คุณทราบจุดแข็ง-อ่อนของทำเลได้เร็วขึ้น และนำไปสู่การวางแผนร้านค้าได้แม่นยำ

2. เลือกทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมาย คือหัวใจสำคัญของธุรกิจ หากคุณไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช่ได้ ก็ยากที่จะขายดี ไม่ว่าทำเลจะดูดีขนาดไหนก็ตาม

ตัวอย่างทำเลที่เหมาะกับกลุ่มบุคคล

  • คนทำงาน – ใกล้ย่านออฟฟิศ เช่น สีลม อโศก
  • นักเรียน-นักศึกษา – ใกล้มหาวิทยาลัย โรงเรียน
  • ผู้สูงวัย – ใกล้หมู่บ้านจัดสรร, โรงพยาบาล
  • สายบุญ – ขายสังฆภัณฑ์ใกล้วัด
  • ผู้ซื้อเร่งด่วน – ร้านยา/อาหารใกล้สถานีรถไฟฟ้าหรือสถานีขนส่ง

การเลือกทำเลให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายจะช่วยสร้างโอกาส Conversion ได้สูงขึ้น รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการกลับมาใช้บริการ

3. วิเคราะห์คู่แข่งในพื้นที่

ไม่ต้องกลัวคู่แข่งมากมาย เพราะบางครั้ง “”การแข่งขันสูง”” แปลว่าทำเลนั้นมีความต้องการสูงและพร้อมซื้อจริง

แนวทางวิเคราะห์คู่แข่ง

  • นับจำนวนร้านประเภทเดียวกันในรัศมี 300–500 เมตร
  • สังเกตว่าใครขายดี? ใครไม่เวิร์ก? และทำไม?
  • หาจุดที่คู่แข่งยังไม่ตอบโจทย์ เช่น ไม่มีเดลิเวอรี บริการช้า หรือราคาไม่สมเหตุสมผล

ตัวอย่างจากกระทู้ใน Pantip มีผู้เล่าว่าเจอทำเลร้านค้าดีมาก แต่ค่าเช่าแพงจนทำกำไรยาก สุดท้ายย้ายไปทำเลที่คู่แข่งน้อยแต่ขายดีขึ้น เพราะมี Positioning ที่แตกต่าง จึงทำให้ธุรกิจรุ่ง

4. ความสะดวกในการเดินทาง

ความสะดวกในการเข้าถึงร้านเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ทำเลที่ดีต้องเข้าถึงง่ายทั้งด้วยรถยนต์และสาธารณะ หรือแม้กระทั่งการเดินเท้า

สิ่งที่ควรดู

  • อยู่ใกล้แหล่งชุมชน/แหล่งคนพลุกพล่าน
  • อยู่ใกล้รถไฟฟ้า ทางด่วน สถานีขนส่ง
  • มีที่จอดรถเพียงพอ
  • ตั้งร้านในจุดที่มองเห็นง่าย ไม่อยู่ในซอยลึกหรือซ่อนอยู่หลังตึก

ร้านอาหารที่ตั้งในที่เดินทางยาก ต่อให้รสชาติดีแค่ไหน ลูกค้าก็อาจไม่แวะซ้ำ

5. คำนวณต้นทุนค่าเช่าและค่าใช้จ่าย

การเลือกทำเลต้องไม่ลืมเรื่อง ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ทำเลทองที่ค่าเช่าแพงเกินเหตุ อาจกลายเป็นกับดักที่กินทุนคุณเรื่อย ๆ

สิ่งที่ต้องเปรียบเทียบ

  • ราคาเช่าต่อเดือน ตร.ม.ละเท่าไร
  • ค่าส่วนกลาง ค่าบริการ ค่าที่จอดรถ
  • ค่าน้ำ-ค่าไฟตามจริงหรือเหมาจ่าย
  • สัญญาเช่ายืดหยุ่นเพียงใด (เช่าระยะยาว, ต่ออายุ, ค่าปรับกรณียกเลิก)

อย่าลืมหักลบร่วมกับกำไรโดยประมาณ เพื่อดูว่า location นี้คุ้มค่ากับธุรกิจเราหรือไม่

6. พิจารณาความปลอดภัยของพื้นที่

ลูกค้าจะไม่อยากเข้าใช้บริการร้านที่อยู่ในพื้นที่เปลี่ยว ไม่ปลอดภัย หรือเสี่ยงต่ออาชญากรรมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะร้านเปิดช่วงเย็นหรือค่ำ

เกณฑ์พิจารณาเรื่องความปลอดภัย

  • บริเวณมีไฟฟ้าส่องสว่างเพียงพอ
  • มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย/กล้อง CCTV ตลอดแนว
  • ไม่มีข่าวหรือเหตุการณ์ด้านอาชญากรรมเกิดขึ้นเป็นประจำ

7. ศึกษาข้อจำกัดและกฎระเบียบของพื้นที่

ทำเลบางแห่งอาจมีข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเวลาทำการที่ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งอาจส่งผลต่อโมเดลธุรกิจของคุณในระยะยาว

จุดที่ควรตรวจสอบ

  • ข้อบังคับของพื้นที่ เช่น เวลาเปิด-ปิดร้าน ห้ามส่งเสียงดัง ฯลฯ
  • การตกแต่งร้าน ต้องได้รับอนุญาตหรือไม่
  • การค้าบางประเภทต้องมีใบอนุญาตเฉพาะหรือไม่

หากต้องเช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า ยิ่งต้องตรวจสอบเงื่อนไขภายในให้ดี เพราะอาจมีค่าธรรมเนียมแฝงหรือเงื่อนไขเกี่ยวกับการแบ่งยอดขาย

8. วิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตในอนาคต

การเลือกทำเลที่มี “ศักยภาพในอนาคต” เช่น โครงการพัฒนาเมือง, การตัดถนนใหม่ หรือการสร้างศูนย์การค้า จะทำให้ธุรกิจคุณเติบโตกว่าแค่ระยะสั้น

วิธีวิเคราะห์ศักยภาพทำเล

  • ตรวจสอบแผนผังพัฒนาเมืองจากสำนักงานเขต
  • ดูแนวโน้มราคาที่ดินหรือค่าเช่าในพื้นที่นั้น ๆ
  • สำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง
  • พิจารณาความยืดหยุ่นในการขยายกิจการในอนาคต

ทำเลดีวันนี้ อาจกลายเป็น “”หมุดหลัก”” ที่ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

บทสรุป

การเลือกทำเลเปิดร้านที่เหมาะสมไม่ใช่การจับฉลากหรือตามกระแส แต่ต้องอิงจากข้อมูลจริง การสำรวจอย่างละเอียด และความเข้าใจในกลุ่มเป้าหมายเพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน เทคนิคทั้ง 8 ข้อนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาด และมี “ร้านที่ตั้งอยู่ถูกที่ ถูกเวลา และเข้าถึงลูกค้าได้จริง”

หากคุณพร้อมเปิดร้านแล้ว แนะนำให้ใช้ระบบ POS แบบครบวงจรจาก StoreHub เพื่อบริหารจัดการร้านอย่างมืออาชีพ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือ LINE Official: @storehub

เริ่มต้นด้วยทำเลที่ใช่…และร้านของคุณจะขายดีไม่รู้จบ

จัดการร้านค้าครบจบในที่เดียวด้วย StoreHub POS ช่วยจัดการสต็อกสินค้าและพนักงานได้ง่ายๆ

Share this Post

Hey there! Please enter your store name.

.storehubhq.com