
5 แพลตฟอร์มขายของ
ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจปี 2025
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ธุรกิจขนาดเล็กมีโอกาสเติบโตได้อย่างรวดเร็วผ่านการขายสินค้าออนไลน์ แพลตฟอร์ม E-commerce กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้านจริง แต่ปัญหาสำคัญคือมีแพลตฟอร์มให้เลือกมากมาย เช่น Lazada, Shopee, Facebook Shop, LINE MyShop และ TikTok Shop การเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวได้ง่ายๆ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าแพลตฟอร์มใดที่เหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็กของคุณในประเทศไทย
ทำไมธุรกิจขนาดเล็กต้องเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม
การเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce ที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแพลตฟอร์มแต่ละแห่งมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เช่น บางแพลตฟอร์มเหมาะกับสินค้าที่ต้องการการโปรโมทผ่านวิดีโอสั้นอย่าง TikTok Shop ขณะที่บางแพลตฟอร์มอย่าง LINE MyShop เหมาะกับการขายที่ต้องการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง นอกจากนี้ ค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียม และเครื่องมือส่งเสริมการขายของแต่ละแพลตฟอร์มก็มีความแตกต่างกัน การเลือกผิดอาจทำให้คุณเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไป หรือไม่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ดังนั้นการรู้จักและทำความเข้าใจแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณจะช่วยให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
แพลตฟอร์ม E-commerce ยอดนิยมสำหรับธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทย
1. Lazada
Lazada เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม E-commerce ชั้นนำในประเทศไทยที่มีฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย แพลตฟอร์มนี้มีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย รองรับการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต โอนเงินผ่านธนาคาร และเก็บเงินปลายทาง (COD) นอกจากนี้ Lazada ยังมีเครื่องมือการตลาดที่ช่วยผู้ขายทำโปรโมชั่น เช่น ส่วนลด คูปอง และแคมเปญแฟลชเซลล์ ทำให้ร้านค้าสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การแข่งขันบน Lazada ค่อนข้างสูง ผู้ขายต้องมีการวางแผนราคาที่เหมาะสมและพิจารณาเรื่องค่าคอมมิชชั่นที่ทางแพลตฟอร์มเรียกเก็บ
2. Shopee
Shopee เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มยอดนิยมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยระบบที่ใช้งานง่ายและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่ม ผู้ขายสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้ฟรีและเริ่มขายได้ทันที Shopee มีจุดเด่นที่การโปรโมทสินค้าผ่าน Shopee Live (การขายผ่านไลฟ์สด) และ Shopee Coins ซึ่งเป็นระบบสะสมแต้มที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำ นอกจากนี้ Shopee ยังจัดแคมเปญส่วนลดบ่อยครั้ง เช่น 9.9, 10.10 และ 11.11 ซึ่งช่วยให้ร้านค้าเพิ่มยอดขายได้รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ผู้ขายจะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นสำหรับสินค้าที่ขายได้ และมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าราคาต่ำ
3. Facebook Shop / Instagram Shop
สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย Facebook Shop และ Instagram Shop เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เจ้าของธุรกิจสามารถเชื่อมโยงร้านค้าออนไลน์ของตนกับเพจธุรกิจได้ทันที ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียได้โดยตรง การใช้แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านการโพสต์รูปภาพ วิดีโอ และสตอรี่ อีกทั้งยังสามารถใช้งบโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ของ Facebook Shop และ Instagram Shop อาจมีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์ม E-commerce เต็มรูปแบบ เช่น ไม่มีระบบการจัดการสต็อกที่ซับซ้อน
4. LINE MyShop
LINE MyShop เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทยโดยเฉพาะ เจ้าของธุรกิจสามารถสร้างร้านค้าได้ง่ายๆ ผ่านแอป LINE ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันแชทยอดนิยมของคนไทย MyShop ช่วยให้ผู้ขายสามารถรับคำสั่งซื้อได้โดยตรงผ่านแชท มีระบบการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงระบบจัดส่งที่เชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์ขนส่งชั้นนำ นอกจากนี้ ยังสามารถส่งโปรโมชั่นหรือข้อความแจ้งเตือนลูกค้าได้ผ่าน LINE OA (Official Account) ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าแบบใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม LINE MyShop อาจไม่เหมาะกับร้านค้าที่มีสินค้าจำนวนมากหรือสินค้าที่ต้องการระบบการจัดการสต็อกซับซ้อน
5. TikTok Shop
TikTok Shop กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์ม E-commerce ที่มาแรงในประเทศไทย โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ TikTok Shop ผสานรวมการขายสินค้าเข้ากับวิดีโอสั้นที่เป็นเอกลักษณ์ของแพลตฟอร์ม ผู้ขายสามารถสร้างวิดีโอรีวิวสินค้า ทำไลฟ์สดขายสินค้า หรือร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมทได้โดยตรง ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ทันทีผ่านลิงก์ที่แนบมากับวิดีโอ ทำให้กระบวนการซื้อขายเป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จใน TikTok Shop ต้องใช้กลยุทธ์การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจและสม่ำเสมอ
ตารางสรุปแต่ละแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์ม | คุณสมบัติหลัก | ข้อดี | ข้อเสีย | ค่า GP | ค่าธรรมเนียมอื่นๆ |
---|---|---|---|---|---|
Lazada | แพลตฟอร์ม Marketplace ขนาดใหญ่ มีระบบโปรโมทสินค้า (Flash Sale, คูปอง) รองรับหลายช่องทางชำระเงิน | ฐานลูกค้าใหญ่, มีแคมเปญส่งเสริมการขายบ่อย, ระบบชำระเงินปลอดภัย | การแข่งขันสูง, ค่าคอมมิชชั่นตามหมวดหมู่สินค้า | 1-10% | ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน 2-3% |
Shopee | แพลตฟอร์ม Marketplace ที่มี Shopee Live และ Shopee Coins ช่วยกระตุ้นยอดขาย | ใช้งานง่าย, มีแคมเปญส่วนลดประจำเดือน, รองรับการชำระเงินหลายช่องทาง | แข่งขันสูงโดยเฉพาะสินค้าราคาต่ำ, ค่าคอมมิชชั่นหลากหลายตามหมวดหมู่สินค้า | 1-10% | ค่าธรรมเนียมการชำระเงิน 2-3% |
Facebook Shop/Instagram Shop | ร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมกับเพจธุรกิจบน Facebook และ Instagram | ขายได้โดยตรงผ่านโซเชียลมีเดีย, ใช้งานฟรี, รองรับการชำระเงินหลากหลาย | ฟีเจอร์จัดการสต็อกจำกัด, ต้องพึ่งพาโฆษณาเพื่อเพิ่มยอดขาย | ไม่มี (ขึ้นกับการตั้งค่าของธุรกิจ) | ไม่มี |
LINE MyShop | ร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อมกับ LINE OA ใช้งานง่าย มีระบบรับออเดอร์ผ่านแชท | สื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง, ไม่มีค่าคอมมิชชั่น, รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ | ไม่เหมาะกับร้านที่มีสินค้าจำนวนมาก, ไม่มีระบบจัดการสต็อกขั้นสูง | ไม่มี | ไม่มี |
TikTok Shop | แพลตฟอร์มขายสินค้าผ่านวิดีโอสั้น มีระบบไลฟ์สดขายสินค้าได้โดยตรง | เหมาะกับการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่, ใช้คอนเทนต์วิดีโอดึงดูดลูกค้า | ต้องมีทักษะการสร้างคอนเทนต์วิดีโอ, ค่า GP ตามประเภทสินค้า | 1-10% | ไม่มี |
วิธีเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
การเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce ที่เหมาะสมกับธุรกิจขนาดเล็กของคุณไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความนิยม แต่ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถขายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า นี่คือแนวทางที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น:
1. วิเคราะห์ประเภทสินค้าที่คุณขาย
เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจสินค้าของคุณว่าจัดอยู่ในประเภทใด เช่น สินค้าแฟชั่น, เครื่องสำอาง, ของใช้ในบ้าน หรือสินค้าไลฟ์สไตล์ จากนั้นพิจารณาว่าสินค้าของคุณเหมาะกับแพลตฟอร์มใด ตัวอย่างเช่น สินค้าแฟชั่นหรือเครื่องสำอางอาจเหมาะกับ Shopee, TikTok Shop และ Facebook Shop เนื่องจากแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถใช้คอนเทนต์ภาพหรือวิดีโอในการดึงดูดลูกค้าได้ดี ขณะที่สินค้าประเภทของใช้ในบ้านหรืออิเล็กทรอนิกส์อาจเหมาะกับ Lazada ที่มีลูกค้ากลุ่มใหญ่และมักมองหาสินค้าคุณภาพ
2. พิจารณากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
นอกจากประเภทสินค้าแล้ว คุณควรรู้จักกลุ่มลูกค้าของคุณให้ชัดเจน เช่น อายุ, เพศ, พฤติกรรมการซื้อ หากกลุ่มลูกค้าของคุณเป็นวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ (15-35 ปี) TikTok Shop จะเป็นทางเลือกที่ดีเพราะเน้นคอนเทนต์วิดีโอสั้น แต่หากลูกค้าของคุณเป็นกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงาน (25-45 ปี) ที่ชอบซื้อของผ่านโซเชียลมีเดีย Facebook Shop และ LINE MyShop จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
3. ประเมินงบประมาณในการเริ่มต้น
งบประมาณมีผลอย่างมากต่อการเลือกแพลตฟอร์ม หากคุณมีงบจำกัด การเริ่มต้นบนแพลตฟอร์มที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น เช่น LINE MyShop หรือ Facebook Shop จะช่วยประหยัดต้นทุนได้ ในทางกลับกัน หากคุณมีงบประมาณสำหรับการทำโฆษณาหรือโปรโมท Shopee และ Lazada ซึ่งมีระบบแคมเปญส่งเสริมการขายก็จะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้น
4. พิจารณาค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียม
การรู้จักโครงสร้างค่าธรรมเนียมของแต่ละแพลตฟอร์มเป็นสิ่งสำคัญ บางแพลตฟอร์มเช่น Lazada และ Shopee มีค่า GP (ค่าคอมมิชชั่น) ที่ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ในขณะที่ LINE MyShop และ Facebook Shop ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่ต้องอาศัยการโปรโมทเอง การเลือกแพลตฟอร์มที่มีค่าธรรมเนียมเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถกำหนดราคาสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ตรวจสอบเครื่องมือสนับสนุนการขายของแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์ม E-commerce แต่ละแห่งมีเครื่องมือสนับสนุนการขายที่แตกต่างกัน เช่น Shopee มี Shopee Live ที่ช่วยให้คุณขายผ่านไลฟ์สดได้ หรือ TikTok Shop ที่ช่วยคุณขายสินค้าผ่านวิดีโอสั้น หากสินค้าของคุณสามารถนำเสนอผ่านการสาธิตหรือรีวิวได้ดี คุณควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือไลฟ์สดหรือลิงก์ซื้อสินค้าจากคอนเทนต์โดยตรง
6. ทดลองใช้หลายแพลตฟอร์มเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
ในบางกรณี คุณอาจไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าแพลตฟอร์มใดเหมาะสมที่สุด การทดลองใช้หลายแพลตฟอร์มพร้อมกันในช่วงเริ่มต้นจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าที่ใดให้ยอดขายที่ดีกว่าและตรงกับลูกค้าของคุณมากที่สุด แต่ต้องระวังไม่ให้บริหารจัดการไม่ทัน เช่น ต้องคอยอัปเดตสต็อกสินค้าให้ตรงกันทุกช่องทาง
7. เลือกแพลตฟอร์มที่รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
หากคุณตั้งใจจะขยายธุรกิจในอนาคต เช่น เปิดตัวสินค้าใหม่หรือเพิ่มจำนวนสินค้า ควรเลือกแพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นและรองรับการจัดการสินค้าจำนวนมาก เช่น Lazada หรือ Shopee ที่มีระบบจัดการสต็อกขั้นสูง ในขณะที่ LINE MyShop อาจเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขายแบบใกล้ชิดกับลูกค้าและไม่มีสินค้าจำนวนมาก
สรุป
การเลือกแพลตฟอร์ม E-commerce ที่เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กของคุณเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการขายออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะเลือก Lazada, Shopee, Facebook Shop, LINE MyShop หรือ TikTok Shop แต่ละแพลตฟอร์มมีข้อดี ข้อเสีย และกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจสินค้าของคุณ กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย งบประมาณ และค่าคอมมิชชั่น จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขายสินค้าหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน การจัดการร้านค้าอาจกลายเป็นเรื่องซับซ้อน เช่น การอัปเดตรายการสินค้า การจัดการสต็อก หรือการตอบกลับลูกค้าจากหลายช่องทาง หากคุณกำลังมองหาวิธีบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้เครื่องมือที่ช่วยรวมการจัดการทุกแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียวอาจเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดได้
เครื่องมืออย่าง StoreHub MPI (Marketplace Integration) ช่วยให้คุณสามารถจัดการสินค้าทุกแพลตฟอร์มได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดตสต็อกสินค้า การรับออเดอร์ หรือการติดตามยอดขาย ทั้งหมดนี้ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องสลับหน้าจอไปมาระหว่างแพลตฟอร์มต่างๆ
คำถามที่พบบ่อย
สำหรับมือใหม่ที่มีสินค้าจำนวนไม่มากและต้องการเริ่มต้นแบบง่ายๆ Facebook Shop หรือ LINE MyShop เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะไม่มีค่าคอมมิชชั่นและใช้งานง่าย
TikTok Shop เน้นการขายผ่านวิดีโอสั้น ทำให้สินค้าที่มีความน่าสนใจหรือสามารถรีวิวการใช้งานได้ชัดเจน เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ไลฟ์สไตล์ จะขายได้ดีมากกว่าสินค้าที่ไม่มีความน่าสนใจในเชิงภาพลักษณ์
ทั้ง Shopee และ Lazada มีการเก็บค่า GP ที่แตกต่างกันตามประเภทสินค้า โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1-10% ซึ่ง Shopee อาจมีค่าคอมมิชชั่นที่ยืดหยุ่นตามประเภทสินค้ามากกว่า ขณะที่ Lazada จะมีโครงสร้างที่ชัดเจนกว่า
LINE MyShop เป็นทางเลือกที่ดีเพราะคุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรงผ่านแชท LINE และไม่มีค่าคอมมิชชั่น หรือใช้ Facebook Shop ที่สามารถโพสต์ขายสินค้าผ่านเพจธุรกิจได้ฟรี
ได้ คุณสามารถขายบนหลายแพลตฟอร์มพร้อมกันได้ แต่ต้องระวังเรื่องการจัดการสต็อกสินค้าและการตอบกลับลูกค้าให้รวดเร็ว เพื่อป้องกันความสับสนหรือการขายสินค้าซ้ำ