5 เทคนิคเพิ่มยอดขายธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก
ทำง่าย ได้ผลจริง !
คุณเปิดธุรกิจค้าปลีกมานานแต่ยังไม่มีวี่แววว่าร้านจะขายดีหรือทำกำไรใช่หรือเปล่า ?
ถ้าใช่ ก็คงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาต่าง ๆ เพราะถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้ มีหวังร้านค้าปลีกของคุณได้ปิดตัวลงแน่ ๆ
แล้วมีวิธีไหนบ้างละที่จะช่วยกู้สถานการณ์ธุรกิจหรือว่าร้านค้าของคุณได้ ?
วันนี้เราก็ได้รวบรวมเคล็ดลับที่ทำตามง่าย ๆ และได้ผลจริงมาให้คุณกอบกู้ธุรกิจค้าปลีกได้ทันการและเพิ่มยอดขายแบบเห็นได้ชัดมาแนะนำด้วย
1. เริ่มจากพนักงาน
ภาพจาก Pixabay
แน่นอนว่าพื้นฐานที่สำคัญในการจัดการธุรกิจค้าปลีกนั้นเริ่มจากพนักงาน แต่แทนที่จะฝึกฝนให้พวกเขาขายของเก่ง ๆ คุณควรเปลี่ยนให้พวกเขาเป็นที่ปรึกษาของลูกค้าและผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าจะดีกว่า
พนักงานทุกคนควรมีความรู้และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสินค้าภายในร้านเป็นอย่างดี เมื่อลูกค้ามีคำถามจะได้ให้คำตอบที่ชัดเจนและตรงจุดมากที่สุด เพียงเท่านี้ก็สร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ง่าย ๆ แล้ว
นอกจากนี้คุณควรปฏิบัติต่อพนักงานให้เหมือนคนในครอบครัว, มีความเป็นกันเอง, ให้ความสำคัญ และให้เกียรติพวกเขาเสมอ เพราะคงไม่มีใครอยากทำงานภายใต้แรงกดดันและอยู่กับเจ้านายที่คุมเข้มตลอดเวลาหรอก จริงไหม ?
2. ใส่ใจในการบริการลูกค้า
ภาพจาก Pixabay
เราต่างรู้กันดีว่าการบริการคือหัวใจหลักของธุรกิจทุกประเภท ซึ่งก็รวมถึงธุรกิจค้าปลีกด้วย ลองคิดดูสิว่า ถ้าหากร้านคุณมีสินค้าคุณภาพเยี่ยม ถูกใจกลุ่มเป้าหมาย และอินเทรนด์ที่สุดในตอนนั้น แต่ว่าการบริการย่ำแย่ โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาซื้อของที่ร้านค้าปลีกของคุณจะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ ?
ดังนั้นต้องฝึกฝนพนักงานให้มีใจรักในการบริการด้วย เพราะสิ่งนี้สามารถเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจได้ดีมาก ๆ
แล้วจะมีอะไรบ้างที่สร้างความประทับใจและช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อของที่ร้านของคุณอีก ?
เคล็ดลับการสร้างความประทับใจให้ลูกค้า
- ต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส มอบความรู้สึกดี ๆ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาในร้านทุกครั้ง ทักทายด้วยความจริงใจที่ลูกค้าสามารถสัมผัสได้ ไม่ใช่ทักทายตามหน้าที่เท่านั้น
- รู้จักสังเกต หากสังเกตเห็นว่าลูกค้ามีปัญหาหรือดูมีข้อสงสัย อย่ารอช้าที่จะเสนอความช่วยเหลือ เพราะคุณอาจจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนทางร้านไม่สนใจ หรือดูแลไม่ทั่วถึงก็เป็นได้
- ให้อิสระในการเลือกซื้อ ฝึกฝนให้พนักงานมีใจรักในการบริการและคอยให้ความช่วยเหลือลูกค้า แต่ไม่ใช่ตามติดจนรู้สึกอึดอัด เพราะเราเชื่อว่าคุณก็เคยเข้าร้านที่มีพนักงานเดินตามแทบทุกก้าว จนทำให้รู้สึกไม่มีอิสระในการเลือกซื้อ แล้วก็อยากเดินออกจากร้านในที่สุด
- ขอบคุณลูกค้าทุกครั้ง อย่าลืมกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มอย่างจริงใจทุกครั้งที่ยื่นใบเสร็จให้ลูกค้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือคนสำคัญที่คุณเต็มใจให้บริการและอยากให้กลับมาอีก
3. ตกแต่งร้านให้น่าสนใจ
ภาพจาก Unsplash
ไม่มีใครอยากซื้อสินค้าที่น่าเบื่อหรือว่าเข้าร้านที่ดูจืดชืดแน่นอน ดังนั้นการตกแต่งร้าน การจัดวางสินค้า และป้ายต่าง ๆ ภายในร้านจึงสำคัญ ซึ่งเทคนิคการตกแต่งร้านเอาใจลูกค้าก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณทำตามข้อแนะนำของเราดังต่อไปนี้ :–
- แสดงสินค้าหลากหลายรูปแบบ แบ่งสินค้าในร้านให้ชัดเจนและโดดเด่นกว่าร้านอื่น เช่น ถ้าหากคุณมีร้านขายเสื้อผ้า ก็ให้จัดวางตามขนาด ความสูง หรือสี ถ้าสินค้าลดราคาก็ให้ติดป้ายชัดเจนและแยกโซนหญิง–ชาย
- แสดงสินค้าให้ถูกที่ จัดแสดงสินค้าที่ดีที่สุดไว้ด้านหน้าและตรงกลางของร้าน อาจจะเป็นสินค้าใหม่หรือสินค้าขายดีก็ได้
- ใช้ประโยชน์จากสินค้า อย่าลืมมีตัวสาธิตการใช้งานสินค้าภายในร้าน จะได้ช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพและเห็นประโยชน์ในการใช้สอยมากยิ่งขึ้น
- จัดร้านให้เป็นระเบียบ นอกจากความสะอาดภายในร้านแล้ว ควรจัดร้านให้เป็นระเบียบ ร้านจะได้ดูดีและลูกค้าก็จะหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
4. ใช้โซเชียลให้เป็นประโยชน์
ภาพจาก Pexels
อย่าลืมว่าในปัจจุบันโลกโซเชียลอย่างเฟสบุ๊ค (Facebook), เฟสบุ๊ค เมสเซนเจอร์ (Facebook Messenger), อินสตาแกรม (Instagram) และไลน์ (Line) กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตเราไปแล้ว และช่องทางนี้แหละที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าใกล้ธุรกิจค้าปลีกกับร้านค้าได้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปร้าน ก็สามารถอัพเดตสินค้าใหม่ ๆ กับโปรโมชั่นของร้านได้ตลอดเวลา
และวิธีการใช้โลกโซเชียลเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกของคุณก็ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ :–
- บอกให้รู้ มีป้ายเล็ก ๆ บอกช่องทางออนไลน์ตรงแคชเชียร์ เพราะเป็นจุดสังเกตง่าย เท่านี้ลูกค้าก็ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ๆ และไม่พลาดดีล โปรโมชั่น กับส่วนลดแล้ว
- แชร์เนื้อหาที่เป็นประโยชน์ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้า อาจจะเป็นบทความหรือวิดีโอก็ได้ และหากคุณยังใหม่กับการทำวิดีโอ ก็ลองใช้โปรแกรม RendrFX, Wideo หรือ Animoto อย่าลืมแจกโค้ดส่วนลดให้กับลูกค้าที่คอมเมนต์และแชร์โพสต์ด้วย
- รับฟังความคิดเห็น เปิดรับคำติชม ทำแบบสอบถามผ่าน Google Forms, SurveyMonkey, Typeform, โพลในเฟสบุ๊ค (Facebook Poll) หรือจะขอให้ลูกค้ารีวิวเพจของร้านเพื่อนำไปปรับปรุงสินค้ากับการบริการต่อไปก็ได้
- อย่าปล่อยให้ลูกค้ารอนาน ควรมีแอดมินเพจคอยตอบคำถามลูกค้าหรือตั้งค่าข้อความอัตโนมัติเพื่อทักทายและแจ้งรายละเอียดกับลูกค้าเมื่อคลิกเข้ามาที่แชท เพราะถ้าลูกค้าต้องทิ้งข้อความไว้เป็นเวลานาน ๆ ก็คงจะไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ และคุณก็มีโอกาสที่จะเสียลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
5. มีโปรแกรมสะสมแต้ม
สมัยนี้ใคร ๆ ก็หันมาใช้โปรแกรมสะสมแต้ม (loyalty program) ระบบสมาชิก (member) หรือโปรแกรมคืนเงิน (cash back) กันหมดแล้ว และโปรแกรมที่ว่านี้ก็เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจค้าปลีกได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะได้ลูกค้าใหม่แล้ว ยังเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการอีก
นอกจากโปรแกรมที่ว่าแล้ว คุณก็สามารถมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ ได้ เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ และสงกรานต์ เป็นต้น เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาดังกล่าวก็แค่แจ้งดีล โปรโมชั่น และโค้ดส่วนลดผ่านมือถือหรืออีเมลของสมาชิก
แล้วถ้าร้านค้าปลีกของคุณไม่เคยมีโปรแกรมแบบนี้มาก่อนละ ต้องเริ่มจากตรงไหน ?
ควรเริ่มจากการเก็บข้อมูลสมาชิกและพฤติกรรมการซื้อสินค้า ซึ่งระบบ POS คือตัวช่วยชั้นเยี่ยมในการจัดเก็บข้อมูลที่ว่านี้ เพราะสามารถเก็บข้อมูลเชิงลึกและรู้ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เมื่อมีระบบนี้คุณจึงจัดโปรโมชั่นสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นและบริหารธุรกิจค้าปลีกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ในปัจจุบันจึงมีหลายผู้ประกอบการเลือกใช้ระบบนี้ในการจัดการธุรกิจค้าปลีก
ถ้าอยากกู้สถานการณ์และเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจค้าปลีกของคุณง่าย ๆ ก็สามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปลองใช้กันดู หรือหากคุณมีคำแนะนำเพิ่มเติมในการเพิ่มยอดขายและทำกำไรให้ร้านค้า ก็สามารถแชร์กับเราได้เช่นกัน