วิธีใช้ Loyalty Program
ให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหาร
ตอนนี้เราอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยนักชิมอาหาร ยิ่งเป็นโลกโซเชียลแล้ว ยิ่งสังเกตเห็นว่ามีแต่คนอัพโหลดรูปอาหารและเครื่องดื่มเต็มไปหมด ไม่ว่าจะกินเมนูไหนหรือสั่งเครื่องอะไรก็ต้องถ่ายและอัพลงโลกออนไลน์กันทั้งนั้น นั่นก็เพราะว่าผู้คนรักอาหารและชอบลองกินอาหารที่ร้านใหม่ ๆ แต่เมื่อลูกค้ามาที่ร้านของคุณแล้ว จะทำยังไงให้พวกเขากลับมาอีก?
ร้านอาหารถือเป็นธุรกิจที่อยู่ได้จากการมีลูกค้าประจำหรือลูกค้าที่กลับมาทานซ้ำแล้วซ้ำอีก ดังนั้นจึงไม่ควรตั้งราคาอาหารสูงเกินไปเพราะธุรกิจร้านอาหารนั้นมีการแข่งขันสูงมาก ๆ แล้วเมื่ออาหารร้านคุณแพง ลูกค้าก็จะหาทานร้านหรือคาเฟ่แห่งใหม่แทน หมายความว่าแทนที่คุณจะเน้นทำกำไรสูง ๆ ก็ให้เน้นที่ปริมาณการขายจะดีกว่า
มี 2 วิธีเพิ่มยอดขายด้วยกันคือ
- ทำให้ลูกค้ากลับมาร้านบ่อยขึ้น
- กระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหารเยอะขึ้นเมื่อมาที่ร้าน
แล้วการที่จะทำทั้งสองวิธีนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ ร้านของคุณก็ต้องมีจุดที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาอีกด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมโปรแกรมสร้างความภักดีหรือ Loyalty Program ถึงสำคัญมาก ๆ !
ดังนั้นมาดูกันดีกว่าว่าวิธีสร้าง Loyalty Program ในธุรกิจร้านอาหารของคุณให้ประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง
1. คุณอยากประสบความสำเร็จในด้านไหน ?
ภาพจาก Unsplash
อย่างแรกเลย จุดประสงค์ของการใช้งาน Loyalty Program มีอะไรบ้าง ? ลองตั้งเป้าและกำหนดแนวทางให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คุณจะใช้โปรแกรมนี้เพื่อ…
- หาลูกค้าใหม่เพิ่มสัก 200 คน ?
- เพิ่มจำนวนลูกค้าในช่วงที่ร้านเงียบเหงา ?
- เพิ่มยอดสั่งอาหารของลูกค้าแต่ละโต๊ะให้ถึง 1,000 บาท ?
- ทำให้ลูกค้าประจำกลับมาที่ร้านอย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้ง ?
ถ้าจะให้ดี คุณควรมีมากกว่าหนึ่งเป้าหมาย และเป้าหมายเหล่านั้นก็ควรช่วยให้ร้านอาหารของคุณได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้พวกเขาสั่งอาหารมากขึ้นเมื่อมาที่ร้านด้วย และการมีเป้าหมายที่ชัดเจนนี้เองที่จะช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์และวัดผลของ Loyalty Program ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น !
2. รูปแบบของ Loyalty Program
เมื่อคุณตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว คุณสามารถสร้าง Loyalty Program ให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือ Loyalty Program ที่ประสบความสำเร็จจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมามากขึ้นและช่วยเพิ่มยอดขายในแต่ละครั้งที่ลูกค้ามาร้านได้เป็นอย่างดี
แล้วอะไรละที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาและเพิ่มยอดขายได้ ?
- คะแนน คะแนน และคะแนน !
สำหรับธุรกิจร้านอาหารแล้วนั้น การที่จะใช้ Loyalty Program ได้ ต้องให้รางวัลลูกค้าในรูปแบบของคะแนนสะสม โดยลูกค้าจะได้คะแนนทุกครั้งที่จ่ายค่าอาหาร นอกจากนี้คุณจะให้คะแนนในเงินทุก ๆ บาทที่ลูกค้าจ่ายหรือให้คะแนนตามยอดที่ทางร้านกำหนดก็ได้ เช่น รับ 10 คะแนนเมื่อจ่ายงิน 10 บาท เป็นต้น ส่วนการเลือกรูปแบบของคะแนนก็ขึ้นอยู่กับว่าแบบไหนเหมาะกับลูกค้าและร้านอาหารของคุณมากที่สุด
หนึ่งในข้อดีของการใช้ระบบแจกรางวัลเป็นคะแนนก็คือ ลูกค้าติดใจง่าย หากจะพูดง่าย ๆ ก็เหมือนกับเกมนั่นแหละ แต่ที่จริง Loyalty Program สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ก็ถูกออกแบบมาให้เหมือนเกมเพื่อทำให้ลูกค้าอยากกลับมาที่ร้านและสะสมคะแนนรับรางวัลอยู่แล้ว เรียกกันว่า “Gamification” หรือการใช้กระบวนการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสนุกเหมือนเล่นเกม
- Cashback หรือ โปรแกรมคืนเงิน
อีกหนึ่ง Loyalty Program ที่ทำได้ง่ายก็คือ แคชแบ็ค (Cashback) หรือ โปรแกรมคืนเงิน โดยในโปรแกรมนี้ลูกค้าจะได้รับเงินคืนเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) จึงเรียกกันว่าโปรแกรมคืนเงินนั่นเอง และเงินคืนที่ว่านี้ก็จะสะสมในบัญชีชื่อลูกค้า จากนั้นลูกค้าก็สามารถใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มครั้งต่อไปได้ เช่น สมมติว่าร้านคุณให้เงินคืน 10% ต่อบิลอาหาร เมื่อยอดบิลลูกค้าอยู่ที่ 1,500 บาท ลูกค้าก็จะได้รับเงินคืน 150 บาท ซึ่งเงินจำนวน 150 บาทนี้ก็จะถูกเก็บไว้ภายใต้ชื่อลูกค้าและลูกค้าสามารถใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มในครั้งต่อไปได้
สิ่งที่ดีที่สุดของโปรแกรมคืนเงินนี้ก็คือ เปิดใช้งานและดูแลรักษาง่ายมาก ซึ่งทางเราก็ได้ปล่อย Beep Cashback เพื่อช่วยให้คุณใช้ Loyalty Program ได้แบบทันที คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Beep Cashback!
- แบ่งระดับสมาชิก
Loyalty Program แบบแบ่งระดับสมาชิกจะมีระดับของสมาชิกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหากลูกค้าต้องการเปลี่ยนจากสมาชิกรูปแบบหนึ่ง ไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ก็ต้องมียอดสะสมตามที่ร้านอาหารของคุณกำหนด เพื่อจะได้เลื่อนขั้นเป็นสมาชิกในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งความท้าทายของโปรแกรมสร้างความภักดีรูปแบบนี้ก็คือ คุณต้องมีรางวัลที่เหมาะสมและมีมูลค่ามากพอเพื่อดึงดูดลูกค้าและทำให้พวกเขาอยากเป็นสมาชิกในระดับที่สูงขึ้น
- แสตมป์บัตร
Loyalty Program นี้เป็นแบบที่เราเห็นกันเยอะมากในอดีต ทุก ๆ ครั้งที่ลูกค้าจ่ายบิลอาหาร ก็จะได้ตราประทับบนบัตรที่ทางร้านแจกให้ ซึ่งหลังจากที่ไปทานอาหารที่ร้านครบตามกำหนดแล้ว ลูกค้าก็สามารถแลกรับอาหารหรือเครื่องดื่มฟรี หรืออาจได้รับเป็นส่วนลดก็ได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เริ่มล้าสมัยไปแล้ว นั่นก็เพราะว่าลูกค้ามักจะลืมพกบัตรสะสมแสตมป์มาด้วย ทำบัตรหาย หรือไม่ก็ไม่มีแรงจูงใจในการใช้บัตรสะสมตราประทับนี้
ทั้งหมดนี้ก็เป็น Loyalty Program ทั้ง 4 แบบที่เหมาะกับธุรกิจร้านอาหารมากที่สุด เมื่อคุณเลือกโปรแกรมเหล่านี้ แนะนำให้คำนึงถึงลูกค้าเป็นอันดับแรก ดูว่าลูกค้าของคุณเป็นใครและอะไรที่จะดึงดูดพวกเขาได้ดีที่สุด
3. ให้รางวัลลูกค้า
ภาพจาก Picjumbo
เมื่อเลือกโปรแกรมสร้างความภักดีที่จะใช้ในร้านได้แล้ว คราวนี้ก็ถึงต้องเลือกรางวัลที่จะมอบให้กับลูกค้า
จำไว้ว่าคุณไม่สามารถเลือกรางวัลไหนก็ได้ตามใจชอบ แต่ควรเลือกรางวัลที่สำคัญและตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
ซึ่งสำหรับลูกค้าร้านอาหารและเครื่องดื่มนั้น รางวัลต่อไปนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย :-
- โปรแกรมคืนเงิน (Cashback) เพื่อใช้สั่งอาหารและเครื่องดื่มในร้าน
- แจกส่วนลดให้เมื่อลูกค้ามาทานอาหารแต่ละครั้ง
แล้ววิธีนี้ก็สามารถทำได้ 2 แบบด้วยกัน
ถ้าเป้าหมายของคุณคือ การกระตุ้นให้ลูกค้าสั่งอาหารมากขึ้นในแต่ละครั้งที่มาที่ร้าน คุณก็ควรแจกส่วนลดเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น ถ้าปกติแล้วลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่มแค่ 250 บาท ต่อครั้ง ก็ลองเสนอส่วนลด 10% เมื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่มครบ 400 บาทดู เพราะว่าถ้าต้องเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยเพื่อให้ได้ส่วนลด ยังไงลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว !
หากเป้าหมายของคุณคือ การเพิ่มจำนวนลูกค้าที่มาร้านแต่ละครั้ง ก็ลองใช้โปรโมชั่นชั่วคราวหรือโปรโมชั่นที่มีเวลาจำกัดดู ลูกค้าจะได้มีแรงจูงใจกลับมาที่ร้านอีกครั้งในไม่ช้าก็เร็ว เช่น คุณอาจเสนอส่วนลด 20% ให้กับลูกค้าที่สั่งอาหารและเครื่องดื่ม 500 บาทขึ้นไป หากพวกเขากลับมาที่ร้านมากกว่า 2 ครั้งใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา
- แจกอาหารเรียกน้ำย่อย/ของหวาน/เครื่องดื่มฟรี
ลองดูว่าเมนูไหนขายดีมากที่สุดในร้านและทำรายการโปรโมชั่นแลกรับเมนูยอดนิยมเหล่านั้น ลองเสนอเมนูฟรีสำหรับอาหารที่ลูกค้ามักจะสั่งดู เพราะวิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าอยากกลับมาที่ร้านบ่อยขึ้น เพราะพวกเขาจะได้อาหารฟรีที่พวกเขาชอบนั่นเอง
- เมนูพิเศษนอกเหนือจากเมนู
ลองรังสรรค์เมนูสุดพิเศษที่แปลกใหม่และไม่ได้อยู่ในเมนูหลักดู แต่ก็ต้องมีเมนูยอดนิยมแยกออกมาพร้อมกับการแต่งจานหรือแต่งหน้าเครื่องดื่มใหม่ ๆ ด้วย เช่น ไอศกรีมช็อกโกแลตซันเดย์แสนอร่อยที่มาพร้อมกับบราวนี่ก้อนโต ราดด้วยน้ำเชื่อมช็อกโกแลต และแต่งหน้าด้วยโอรีโอบด
- แจกของขวัญจำนวนจำกัดฟรี
ของขวัญจำนวนจำกัดที่ว่านี้ต้องสอดคล้องกับร้านอาหารของคุณด้วย เช่น ถ้าคุณขายเครื่องดื่ม ก็แจกกระติกน้ำสุญญากาศรุ่น Limited Edition หรือถ้าร้านของคุณขายแฮมเบอร์เกอร์ ก็ลองแจกถุงผ้าลายเบอร์เกอร์น่ารัก ๆ ดู
แม้จะมีรางวัลหรือของขวัญให้ลูกค้าแล้ว แต่คุณก็ไม่ควรหยุดแค่นั้น เพราะถ้าอยากให้ Loyalty Program ของคุณประสบความสำเร็จ คุณก็ต้องมีการปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในโลกโซเชียลด้วย ซึ่งสามารถทำได้โดยแชร์ Lotyalty Program บนโซเชียลมีเดียและกระตุ้นให้ลูกค้าแชร์โปรแกรมนี้ในโลกโซเชียลของพวกเขา หรือเชิญชวนเพื่อนมาเข้าร่วมโปรแกรมสร้างความภักดี เป็นต้น
หรืออีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้คนรู้จัก Loyalty Program ของคุณมากที่สุดก็คือ Referral Program หรือการแนะนำเพื่อน โดยทางร้านของคุณจะต้องมีรางวัลหรือคะแนนสะสมให้สำหรับลูกค้าที่แนะนำและเชิญชวนเพื่อนเข้าร่วมโปรแกรมของร้านคุณด้วย และวิธีนี้เองที่จะช่วยโปรโมทร้านอาหารพร้อมกับช่วยคุณหาลูกค้าใหม่ ๆ ได้
ถือเป็นวิธีที่ได้ทั้งลูกค้าและเจ้าของร้านเลย ! เพราะนอกจากลูกค้าของคุณจะได้คะแนนสะสมมากขึ้นเพื่อแลกเป็นของรางวัลแล้ว คุณยังได้ลูกค้าเยอะขึ้นด้วย
เย้ !
เรื่องราวแห่งความสำเร็จของโปรแกรมสร้างความภักดี (Loyalty Program)
My Starbucks Rewards:
ภาพจาก Starbucks
สตาร์บัคส์ (Starbucks) ประสบความสำเร็จในการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะทางร้านมี Loyalty Program แบบระดับขั้นสมาชิกเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าอัพระดับสมาชิกจาก Welcom Level หรือ Green Level ไปเป็น Gold Level ซึ่งระดับเหล่านี้ก็เป็นแรงกระตุ้นให้สมาชิกอัพเกรดเป็น Gold Level ได้เป็นอย่างดี เพราะมีแค่สมาชิกระดับนี้เท่านั้นที่สามารถรับสิทธิพิเศษสูงสุดทั้งหมดจากสตาร์บัคส์ได้
Nandos:
ภาพจาก Nando’s
Nando’s PERi-vilege Loyalty Program เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของโปรแกรมสร้างความภักดีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทุก ๆ ครั้งที่ลูกค้ามาร้าน ก็จะได้พริก 1 เม็ดบนการ์ดสะสมคะแนน เมื่อมาทานอาหารที่ร้านเป็นครั้งที่ 3, 6 และ 9 ลูกค้าจะได้รางวัลเป็นไก่ ซึ่งขนาดของไก่แต่ละครั้งก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และการจะแจกรางวัลแบบนี้เองที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาที่ร้านเพื่อรับไก่ฟรีที่ว่านี้ !
The Alley:
ภาพจาก The Alley Thailand
ร้านชาไข่มุกเลื่องชื่อในสยามอย่าง The Alley ก็เคยทำแคมเปญแจกรางวัลเช่นกัน ซึ่งเรียกความสนใจจากสาวกชาไข่มุกได้เป็นอย่างดี โดยทางร้านจะมี Reward Card ให้เพื่อสะสมตราประทับหรือสแตมป์ของร้านบนมือถือ โดยมีกติกาว่า เมื่อลูกค้าซื้อเครื่องดื่ม 1 แก้ว ก็จะได้สแตมป์ 1 ดวง เท่ากับ 1 คะแนน เมื่อได้สแตมป์ครบ 15 คะแนนก็จะได้ชาไข่มุกฟรี 1 แก้ว และเมื่อลูกค้าสะสมครบ 25 คะแนน ก็จะได้ขวดน้ำจากทางร้านไปฟรี ๆ ถือเป็นรางวัลที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีเลยทีเดียว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างของ Loyalty Program ดี ๆ ที่ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มใช้แล้วประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เราหวังว่าตัวอย่างโปรแกรมเหล่านี้จะเป็นแนวทางและเป็นแรงบันดาลใจในการปรับปรุงกลยุทธ์การใช้ Loylaty Program ของคุณให้ดีขึ้นได้
ก่อนจะเริ่มใช้ Loyalty Program…
ภาพจาก Picjumbo
คราวนี้ก็มาถึงเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการทำ Loyalty Program กันแล้ว และเราก็มีมาฝาก 3 ข้อด้วยกัน ดังนี้ :-
- ข้อมูลลูกค้าคือสิ่งสำคัญ
หากคุณอยากเพิ่มยอดขายให้ได้เยอะ ๆ ก็ต้องเก็บข้อมูลลูกค้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แนะนำให้สอบถามข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ ข้อมูลการติดต่อ และวันเกิด ตอนที่ลูกค้าสมัครเข้าร่วม Loyalty Program ของทางร้าน แล้วก็อย่าลืมให้คะแนนโบนัสหรือส่วนลดสำหรับลูกค้าที่สมัครเข้าร่วมโปรแกรมเป็นครั้งแรกด้วย จะได้เป็นแรงจูงใจให้ลูกค้าบอกข้อมูลดังกล่าว แล้วข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการทำการตลาดของร้านอาหารคุณในอนาคต
- ส่งเสริมให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์กับทางร้าน
การมีฐานลูกค้าที่มั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะแสดงให้ลูกค้าใหม่เห็นว่าร้านอาหารและเครื่องดื่มของคุณเจ๋งแค่ไหน และยังช่วยสร้าง FOMO (Fear Of Missing Out) หรืออาการกลัวตกกระแสให้กับลูกค้าได้ด้วย ซึ่งถ้าจะทำวิธีนี้ก็ต้องให้รางวัลเป็นคะแนนสะสมแก่ลูกค้าที่เขียนรีวิวร้านอาหาร โพสต์ภาพถ่ายบนโซเชียล หรือตามเพจร้านบนโซเชียลด้วย และสิ่งเหล่านี้เองที่จะช่วยให้ลูกค้าใหม่ ๆ รู้จักร้านและกล้าที่ลองมาทานอาหารที่ร้านคุณมากขึ้น
- ลูกค้าต้องมาก่อน !
จงจำไว้ว่ารางวัลที่คุณจะมอบให้กับลูกค้านั้นต้องเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ! เพราะเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ Loyalty Program นั้นขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าชอบหรืออยากได้รางวัลแบบไหนจากทางร้าน
อยากเริ่มใช้ Loyalty Program ตอนนี้ ? ลองดู Beep Cashback ของเราสิ รับรองว่าคุณจะใช้โปรแกรมนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน !
บริหารธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพด้วยสโตร์ฮับ
