15 มิ.ย. 2563 วันแรกของการผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์ระยะที่ 4 (ปลดล็อคเฟส 4) โดยในเฟสนี้มีการยกเลิกเคอร์ฟิว และอนุญาตให้เปิดร้าน/กิจการต่าง ๆ เพิ่ม 11 กิจการด้วยกัน แต่ก็ยังมีอีก 5 กิจการที่ยังคงต้องรอกันต่อไป
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการผ่อนคลายกันต่อเนื่องมาจนถึงระยะที่ 4 แล้ว แต่ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมถึงประชาชนและลูกค้าทุกคนก็ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งแน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกบ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เสมอ และให้ความร่วมมือกับการติดตามของรัฐบาลทั้งการสแกนและแอพพลิเคชั่นมือถือ
ปลดล็อคเฟส 4 ร้าน/กิจการไหนเปิดเพิ่มบ้าง ?
สำหรับร้าน/กิจการที่ได้รับอนุญาตให้เปิดเพิ่มเติมในช่วงปลดล็อคดาวน์เฟส 4 นั้นมี 11 สถานที่ด้วยกัน ดังนี้ :-
- สามารถใช้พื้นที่อาคาร สถานที่โรงเรียน สถานศึกษา และสถาบันกวดวิชา โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนขนาดเล็ก แต่ต้องจำกัดจำนวนนักเรียนทั้งหมดไม่เกิน 120 คน และโรงเรียนในสังกัด กทม. ทั้งหมด 437 แห่ง จะเปิดพร้อมกันในวันที่ 1 ก.ค. ที่จะถึงนี้
-
สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเด็กก่อนวัยเรียน สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์อื่น ๆ เปิดให้บริการแบบค้างคืนได้แล้ว แต่ต้องเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัยตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
-
การจัดประชุม อบรม สัมนาของหน่วยงานราชการ การจัดนิทรรศการ งานพิธี และการจัดเลี้ยงสามารถทำได้ หากเป็นการแสดงนาฏศิลป์และการแสดงดนตรี จะต้องจำกัดจำนวนคนและลงทะเบียนแอพฯ “ไทยชนะ” ของทางการ ทั้งนี้หากเป็นคอนเสิร์ตสามารถจำหน่ายได้แค่ตั๋วนั่งเท่านั้น หากเป็นงานอีเวนต์ เปิดตัวสินค้าในโรงแรม โรงหนัง โรงมหรสพ ศูนย์ประชุม และศูนย์แสดงสินค้าก็ทำได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร หรือใช้พื้นที่ 5 ตารางเมตร/คน ไม่อนุญาตให้แฟนคลับมายืนล้อม และยังไม่สามารถจัดมีทแอนด์กรีทได้
- ร้านอาหารและเครื่องดื่มทั่วไปเปิดได้ หากจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หลังเที่ยงคืน และห้ามมีดนตรีสดในร้าน ให้เปิดเพลงได้แต่ต้องอยู่ในระดับความดังที่เหมาะสม
- ศูนย์วิทยาศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ ท้องฟ้าจำลอง เปิดได้ แต่ต้องเข้าชมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และแบ่งเป็นรอบ ๆ
- กองถ่ายหนัง ละคร รายการทีวี ทำได้ แต่ต้องมีทีมงานไม่เกิน 150 คนและผู้ชมในห้องส่งไม่เกิน 50 คน
- ร้านอบตัว อบสมุนไพร สปา นวดแผนไทย เปิดให้บริการได้ แต่ต้องเป็นแบบแยกห้องเดี่ยว ถ้าเป็นห้องรวม ต้องจำกัดจำนวนคน และมีพื้นที่ 5 ตารางเมตร/คน และไม่ควรใช้เวลาในการให้บริการเกิน 2 ชั่วโมง
- สนามกีฬา สถานที่ฝึกสอนกีฬา สถานที่ออกกำลังกายและการออกกำลังกายแบบกลุ่มในที่สาธารณะ เปิดได้ แต่ต้องมีผู้เข้าร่วมไม่เกิน 50 คน สามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้ ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชมอยู่ในสนาม
- สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก เปิดได้ ยกเว้นกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค เพราะมีพื้นผิวสัมผัสร่วมกันมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม ยังไม่อนุญาตให้เปิด
- ตู้เกม เครื่องเล่นยอดเหรียญ
- สนามกีฬากลางแจ้ง โรงยิม เต้นแอโรบิก เปิดได้ สามารถออกกำลังกายเป็นกลุ่มได้ไม่เกิน 50 คน จะต้องสวมหน้ากากก่อน-หลังการออกกำลังกาย
กิจการ/สถานที่ไหนยังคงปิดให้บริการช่วงปลดล็อคเฟส 4 นี้ ?
แม้จะมีการอนุญาตให้ 11 สถานที่เปิดเพิ่มเติมได้ในมาตรการผ่อนปรนล็อคดาวน์ระยะที่ 4 แต่ก็ยังมีอีก 5 กิจการที่ยังคงต้องรอกันต่อไป ได้แก่
- ผับ บาร์ สถานบันเทิง สถานบริการ และสถานประกอบการที่คล้ายกับสถานบริการ
- ร้าน/กิจการอาบอบนวด
- ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต
- สนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่
- สนามชนโค สนามกัดปลา หรือสนามแข่งขันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน
ร้าน/กิจการที่ได้รับการผ่อนปรนในเฟส 4 และเฟสก่อนหน้าสามารถเตรียมความพร้อมได้ยังไงบ้าง ?
การปลดล็อคในเฟส 4 นี้เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาคส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้น เนื่องจากมีการยกเลิกเวลาเคอร์ฟิวและผ่อนปรนในส่วนต่าง ๆ ทั้งนี้ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมตัวรับมือกับลูกค้าให้พร้อมบริการมากขึ้น ทั้งในส่วนค้าปลีก ร้านอาหาร และธุรกิจบริการ สามารถทำได้โดยการคำนวณสต๊อกสินค้าและวัตถุดิบในการทำอาหารให้พร้อมเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการขาย แล้วก็เพิ่มช่องทางการขายออนไลน์และฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อให้ร้านมีรายได้จากหลายช่องทางมากขึ้น
หากผู้ประกอบการอยากบริหารจัดการร้านได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลองเลือกระบบ POS สักอันมาใช้งานในร้าน รับรองว่างานหลังบ้านจะเบาขึ้นแน่นอน แล้วคุณจะมีเวลาไปใส่ใจในเรื่องของมาตรการความปลอดภัยและการบริการลูกค้ามากขึ้น
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในเรื่องของมาตรการควบคุมความปลอดภัยของการแพร่ระบาด COVID-19 สามารถดูได้ที่นี่
เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์เฟส 3 แล้ว เราเชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยจะกลับมาขยับอีกครั้ง และผู้ประกอบการเองก็คงจะเครียดน้อยลงเนื่องจากมีการขยายเวลาเปิดให้บริการได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังคงต้องให้เวลาในการปรับตัวในยุค New Normal ทั้งฝั่งร้านค้าและลูกค้าเอง ซึ่งแม้จะสถานการณ์จะดีขึ้น แต่ก็ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่ยังไม่กล้าออกมานอกบ้าน ดังนั้นทำไมไม่ลองเข้าถึงลูกค้าของคุณให้มากขึ้นด้วยโซเชียลมีเดีย เว็บขายของออนไลน์ และบริการ Food Delivery ของร้านคุณดูล่ะ ?